“หนึ่งห้องหัวใจเหลือ…เผื่อไว้ อภัยกัน”
“สิ่งใด…มีคุณค่ามากกว่าเครื่องเผาบูชา หรือเครื่องสักการบูชาใดๆ ทั้งสิ้น” (เทียบ มก 12:33)
สัปดาห์ก่อนทิ้งค้างเรื่อง “เสียงพระ พระกระแสเรียก” ตั้งใจว่าสัปดาห์นี้จะคุยด้วยกันต่อเป็นตอนที่สอง แต่เมื่อสามสี่วันก่อนได้พบข่าวเล็กๆเรื่องซุบซิบของแวดวงดาราที่คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจ และอยากรับทราบข้อเท็จว่าเป็นกันยังไงมากันอย่างไร เห็นว่ายังเป็นประเด็นร้อน (อย่างกับหอยทอดกระทะร้อน) ต้องรีบนำมาจัดให้คิดจัดให้ทานกันก่อน จึงขอยกยอดตอนที่สองของ “เสียงพระ พระกระแสเรียก” ไว้เป็นตอนต่อไปในสัปดาห์หน้าก่อนนะครับ
ผู้คนในโลกสนอกสนใจกับภัยพิบัติต่างๆ ไม่ว่าจะทางอากาศ ทางน้ำ ใต้ดิน หรือเรื่องราวของสังคมอเมริกันชน เรื่องเหล่านี้เป็นที่สนอกสนใจไปทั่วโลก (หรืออย่างน้อยก็ออกข่าวทุกช่องในเมืองไทยเป็นระยะ) ว่าหนึ่งในสองของผู้แข่งขันใครจะได้รับเลือกตั้งให้เป็นประธานาธิบดีของประเทศของเขา (เน้นว่า…ของเขาไม่ใช่ของเราเลยสักหน่อย) ด้วยเหตุผลว่า เรื่องเหล่านี้มันส่งผลมาถึงชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องในประเทศของเราด้วยเช่นกัน
“สิ่งใด…มีคุณค่ามากกว่าเครื่องเผาบูชา หรือเครื่องสักการบูชาใดๆ ทั้งสิ้น” (เทียบ มก 12:33)
ใกล้เข้ามาในบ้านเราหน่อย ในช่วงครึ่งปีมานี้บ้านเราสนใจกับเรื่อง “จีจี” กันมากขึ้นเป็นพิเศษ บางคนสับสนกับคำว่า “จีพีเอส” และ “จีพีอาร์เอส” เขาบอกว่า “ก็มันสับสนนี้ ออกเสียงคล้ายๆกัน เข้าใจว่าเป็นเรื่องเดียวกัน” อันคำว่า “จีพีเอส” อย่างที่ผมมักจะใช้คำว่า “พี่จี” ผมคิดเอาเองว่าย่อมาจาก “God protects Us” แปลเป็นไทยว่า “พระเจ้าทรงคุ้มครองเรา” อ้อแฮะ คิดได้ด้วย แบบนี้ก็มีด้วย!!
อันที่จริง “จีพีเอส” เป็นอุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์ชนิดหนึ่งที่ใช้วิธีการจับสัญญาณดาวเทียมที่มีอยู่มากมายในท้องฟ้า อย่างน้อยจับให้ได้ 3 จุดเพื่อจะนำมาคำนวณจับจุดของเครื่องจับสัญญาณ หรือ “จีพีเอส” ว่าเครื่องอยู่ ณ จุดใด เมื่อนำมาประกอบกับแผนที่ที่ถูกจัดเก็บไว้ในเครื่องก็จะสามารถบอกได้ว่า ณ เวลาที่จับสัญญาณ เราที่อยู่พร้อมกับเครื่อง เราอยู่ส่วนใดของโลก ส่วนใดในแผนที่นั่นเอง และเมื่อนำจุดอีกจุดหนึ่งมาคำนวณเป็นจุดปลายทาง ทีนี้เราก็รู้ว่าจะไปตามถนนเส้นใดเพื่อไปสู่ปลายทางได้ และจะต้องใช้เวลาสักเท่าไร นี่แหละคือ “พี่จี” หรือ “จีพีเอส”ที่เราเรียกๆและใช้กันอยู่
ส่วน “จีพีอาร์เอส” เป็นชื่อเรียกขนาดและความไวในการเชื่อมต่อระบบการสื่อสารแบบไร้สาย ที่ระบบเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่เขาใช้ปล่อยสัญญาณเพื่อบริการ (และเก็บเงินด้วย) การติดต่อสื่อสารระหว่างคน กลุ่มคน หรือกลุ่มองค์กร เราจะเห็นได้ว่า มีความแตกต่างกันมากมายเลย สำหรับคำว่า “พี่จี หรือ จีพีเอส” กับ “จีพีอาร์เอส”
ณ ปัจจุบัน ความไวในการเชื่อมต่อสัญญาณแบบไร้สายนี้ ได้เพิ่มขีดความสามารถให้ไวขึ้นอีกหลายสิบเท่า เป็นที่รู้จักกันในนาม “3G” ที่เมืองไทยเรากำลังหัวปั่นเพราะหลายสาเหตุที่คลุมเครือ ส่งผลให้ยังไม่สามารถเปิดใช้ได้ ในขณะที่บ้านน้องของเมืองไทยเรา “เมืองลาว” ณ เวลานี้เขาไม่พูดถึง “3G” กันแล้ว เขาวางแผนสิ้นปีหน้าเขาจะติดตั้งเพื่อใช้ “4G” ให้ครอบคลุมกันเลยทีเดียว ส่วนพี่ไทยก็ช้ำใจกระอักเลือดกันไปก่อน ตามระเบียบครับ ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวที่เราสนใจกันเป็นเรื่องหลักๆรองจากเรื่องปากท้อง
“ท่านจงรักองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านเป็นที่หนึ่งรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง”(เทียบ มก 12:32-33)
อย่างที่บอกเมื่อสามสี่วันก่อนนอกจากเรื่องหลักๆแล้ว ยังมีประเด็นร้อนๆเรื่องดาราที่ผู้คนสนใจกันไม่น้อยด้วย เรื่องคุณ “ตั๊ก-บงกช คงมาลัย” ครับ ดาราสาวสวยที่ทุกคนรู้จักเป็นอย่างดี ประกาศหมั้นและก็คงไม่พ้นแต่งงานในตอนต่อไป กับมหาเศรษฐีหมื่นล้าน ส่งผลให้เกิดเสียงซุบซิบวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างต่างนานา
บ้างก็ร่วมยินดี และขออวยพร โมทนาสาธุกับความรักความดีงามที่คุณตั๊กและว่าที่คู่ชีวิตจะได้พบเจอกันในวันข้างหน้า เพราะอันที่จริงแล้วคุณตั๊กเอง ก็มีผลงานด้านภาพยนตร์หลายเรื่องที่ดีมีคุณภาพ แม้จะมีบ้างที่อาจจะหมิ่นเหมในเรื่องความเหมาะสมและเรื่องศีลธรรมไป บ้างก็มองต่างมุมในแง่ร้ายต่อตัวผู้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ผมไม่ขอนำเสนอความคิดเห็นในเรื่องร้ายต่อกัน มั่นใจว่าเราคงพบหลายความคิดเห็นในสื่อต่างๆอยู่แล้ว
ที่สุดแล้วสำหรับตัวผมเอง มีประโยคหนึ่งปรากฏขึ้นมาว่า “ละครตอนนี้สอนให้รู้ว่า” ความผิดพลาด ความไม่ดีไม่งามนั้น เป็นเรื่องคู่กันไปกับชีวิตมนุษย์ เราทุกคนต่างก็มีข้อบกพร่อง สิ่งสำคัญกว่า นั้นคือเรามนุษย์ต่างก็มีหัวใจกันถึงสี่ห้อง หลายคนและหลายครั้งหัวใจทั้งสี่ห้องของเรานั้นเต็มหมด ด้วยว่าเรานำไปมอบให้กับเรื่องความรักจนหมดไม่มีที่ว่าง
“ท่านจงรักองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านเป็นที่หนึ่งรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง”(เทียบ มก 12:32-33)
เชิญชวนครับเชิญชวน เชิญชวนเราเก็บไว้สักหนึ่งห้องของหัวใจ (ไม่ได้เก็บไว้เพื่อกิ๊กหรือก๊อก อย่างที่ผู้คนในสังคมเขาว่ากัน) เราเก็บหนึ่งห้องของหัวใจนี้เพื่อที่จะให้อภัยกัน เพื่อที่จะยอมรับกันมองข้ามกันไปในเรื่องที่ไม่ดีไม่งาม เรื่องที่เลวร้ายของกันและกัน ไม่ว่าเรื่องนั้นจะจริงเท็จมากน้อยประการใด
“มันอยู่ที่หัวใจเรามีคุณภาพให้อภัยเขา มากกว่ารอให้เขามีดีมีค่าพอจะให้เราอภัย”… มาเถิดมาเก็บ “หนึ่งห้องหัวใจเหลือ…เผื่อไว้ อภัยกัน”
โดย…นกขุนทอง