พระสงฆ์หนุ่มองค์หนึ่ง ได้รับมอบหมายให้ไปทำมิสซา ณ วัดชนบทห่างไกลแห่งหนึ่ง ซึ่งนานๆจะมีมิสซาสักครั้งหนึ่ง เมื่อมาถึงที่วัดตามเวลา ปรากฎว่า มีเพียงชาวนาวัยกลางคนเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มาวัด
พระสงฆ์หนุ่มเห็นดังนั้น จึงไม่ค่อยจะมีกำลังใจในการทำมิสซา จึงพูดกับชาวนาคนนั้นว่า
“เห็นไหม ไม่มีคนมาเลย นอกจากลุงคนเดียว พ่อคิดว่า เราไม่ควรมีมิสซาดอก ลุงเห็นว่ายังไงล่ะ?”
ลุงชาวนาตอบว่า “ไม่รู้สิ คุณพ่อ ผมเป็นแค่ชาวนา ผมเลี้ยงวัวไว้หลายตัว แต่ถ้าเผอิญถึงเวลาอาหาร
ถ้ามีวัวมาแค่หนึ่งตัว ผมก็ยังคงเลี้ยงมันอยู่ดี”
พระสงฆ์หนุ่มได้ยินดังนั้น อึ้งไปชัวครู่ เพื่อชดเชยความอับอาย จึงจัดแจงทำมิสซาประจำวันอาทิตย์นัน โดยเลือกใช้บทอ่านที่ยาวที่สุด บทเพลงครบถ้วน บทภาวนาอย่างสง่า รวมถึงบทเทศน์ที่ยาวนานเอามากๆ
มิสซานั้นจบลงโดยใช้เวลาถึงเกือบสองชั่วโมง เมื่อทำมิสซาจบแล้ว จึงหันมายิ้มให้ชาวนา แล้วพูดกับลุงว่า “คราวนี้ ลุงว่าเป็นยังไง พ่อได้ทำดีแล้วใช่ไหม”
ชาวนาอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วตอบว่า
“ไม่รู้สิ คุณพ่อ ผมเป็นแค่ชาวนา ถ้าเผอิญมีวัวแค่ตัวเดียวมากินอาหาร
ผมคงไม่เอาหญ้าทั้งเกวียนให้มันกินดอก”