• หน้าแรก
  • เกี่ยวกับอาสนวิหาร
    • ประวัติอาสนวิหารอัสสัมชัญ
    • สถาปัตยกรรม
    • บรรณฐาน
    • ภาษาลาตินในวัด
    • กระจกสี / stained-glass
    • รูปนักบุญ / saint sculpture
  • บริการต่างๆ
    • ล้างบาปทารก / Baptisms
    • การถ่ายภาพ / Take pictures
    • แต่งงาน / wedding
  • ติดต่อสอบถาม/Contact us
  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับอาสนวิหาร
    • ประวัติอาสนวิหารอัสสัมชัญ
    • สถาปัตยกรรม
    • บรรณฐาน
    • ภาษาลาตินในวัด
    • กระจกสี / stained-glass
    • รูปนักบุญ / saint sculpture
  • บริการต่างๆ
    • ล้างบาปทารก / Baptisms
    • การถ่ายภาพ / Take pictures
    • แต่งงาน / wedding
  • ติดต่อสอบถาม/Contact us

เจ้าตูบ

 

เจ้าตูบ  เป็นสุนัขจรจัดที่มีชีวิตอยู่ไปวันๆ    โดยไม่มีที่อยู่ที่เป็นหลักแหล่ง เที่ยวเร่ร่อนไปเรื่อยๆ ค่ำไหนนอนนั่นตามประสาของสุนัขที่ไร้เจ้าของ        แต่ถึงกระนั้นเจ้าตูบก็รู้สึกมีความสุขดี  ที่ชีวิตมีความเป็นอิสระเสรีภาพ     โดยไม่ต้องตกอยู่ในการดูแลเลี้ยงดูของใคร

ซึ่งทำให้ชีวิตของมันมีความเป็นตัวของตัวเองตลอดเวลา          โดยไม่ต้องติดอยู่ในกรงขังแห่งบุญคุณที่ไม่มีวันเป็นอิสระแม้ว่าบางทีอาจจะเกิดกรณีพิพาทหรือทะเลาะวิวาทกันขึ้นบ้างกับเพื่อนสุนัขทั่วๆไป  แต่ท้ายที่สุดแล้วเรื่องราวทุกอย่างก็จบลงด้วยดี  และต่างก็มีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขตามอัตภาพและวิถีทางของตน ๆ

เจ้าตูบคงจะมีความสุขมากยิ่งขึ้น  และคงจะดำรงชีวิตอยู่ไปได้อีกยาวนาน         ถ้าหากไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นกับมันเสียก่อน เพราะอยู่มาวันหนึ่ง    ขณะที่เจ้าตูบกำลังนอนหลับฝันดีอยู่ข้างถนนอย่างมีความสุข    ก็มีเด็ก ๆอายุประมาณ ๙-๑๐ขวบ จำนวน ๕ คน    ค่อย ๆ เดินย่องเข้ามาหาตัวมัน และช่วยกันจับหัวจับขา และจับคอของมันเอาไว้อย่างแน่นหนาจนกระทั่งเจ้าตูบไม่สามารถที่จะดิ้นหรือขยับตัวได้

ขณะนั้นมีเด็กคนหนึ่งได้เอาอะไรอย่างหนึ่งผูกมัดไว้ที่เอวเจ้าตูบ  เมื่อผูกเสร็จแล้วก็พากันนับหนึ่งถึงสาม จากนั้นเด็ก ๆเหล่านั้นก็พากันวิ่งหนีไปคนละทิศคนละทางอย่างรวดเร็ว

ฝ่ายเจ้าตูบเองนั้นเพราะความที่ตกใจกลัวอย่างมาก พอถูกปล่อยเป็นอิสระ ก็เลยวิ่งหนีอย่างสุดชีวิตซึ่งขณะที่วิ่งหนีนั้น   เจ้าตูบก็ต้องรู้สึกตกใจมากยิ่งขึ้นเพราะยิ่งวิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ดูเหมือนกับ มีอะไรวิ่งตามหลังมาและยิ่งส่งเสียงดังน่ากลัวขึ้นทุกทีเลยทำให้เจ้าตูบยิ่งตกใจและวิ่งอย่างลืมตายมากยิ่งขึ้น  โดยที่ไม่ได้หันมามองดูหรือหยุดพิจารณาดูให้แน่ใจเสียก่อนว่ามันคืออะไรกันแน่    เจ้าตูบก็เลยได้แต่วิ่งๆและวิ่งอยู่อย่างนั้น     โดยไม่มีการหยุดหย่อนเอาเสียเลย

เช้าวันรุ่งขึ้นมีคนพบเจ้าตูบนอนสิ้นลมหายใจอยู่ที่พุ่มไม้ริมถนนแห่งหนึ่ง ใกล้ ๆหมู่บ้านคานทองนิเวศน์ โดยสภาพศพของเจ้าตูบนั้น อยู่ในสภาพเอาหัวมุดเข้าไปในพุ่มไม้ซึ่งทำให้มองเห็นได้แค่เพียงลำตัวและส่วนหางเท่านั้น  และที่เอวของเจ้าตูบนั้น   มีเชือกไนล่อนเส้นหนึ่งผูกมัดไว้อย่างดี  ที่ปลายเชือกเส้นนั้นมีกระป๋องน้ำอัดลมลูกหนึ่งถูกเจาะตรงกลางเป็นรูและเอาเชือกเส้นนั้นมัดไว้
ผู้ที่ได้พบเห็นศพเจ้าตูบต่างก็รู้สึกเศร้า  และสลดสังเวชใจไปตามๆกัน         ชายใจดีคนหนึ่งทนเห็นสภาพรันทดใจเช่นนั้นต่อไปไม่ไหว      ได้นำเอาจอบมาขุดหลุมฝังศพเจ้าตูบเอาไว้ พร้อมๆกับเขียนป้ายปักติดไว้ที่หน้าหลุมฝังศพของเจ้าตูบแผ่นหนึ่งโดยข้อความมีอยู่ว่า….

” แด่……เจ้าตูบ สุนัขจรจัด ผู้วิ่งหนีกระป๋องน้ำอัดลมจนสิ้นใจ .”

ชีวิตของคนเรามีความเป็นไปมากมายหลากหลายรูปแบบ    ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวิถีชีวิตที่แต่ละคนได้เลือกสรร  และเลือกที่จะดำเนินไปด้วยลำแข้งของตนเอง   บ้างก็ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ บ้างก็ต้องหกล้มหกลุกคลุกคลานอยู่เสมอ ๆเกือบตลอดเวลา ซึ่งบางสิ่งบางอย่างกว่าที่จะได้มาบางครั้งก็ต้องสูญเสียทั้งน้ำตาและแลกมาด้วยความเจ็บปวด

อย่างไรก็ตามไม่ว่าชีวิตจะเป็นเช่นไร จะดีหรือร้าย จะร่ำรวยหรือยากจนปานใด  ชีวิตก็ยังคงเป็นสิ่งที่ผู้เป็นเจ้าของยังต้องรักใคร่ทะนุถนอม หวงแหนและพยายามอยู่เสมอที่จะนำชีวิตของตนไปสู่ความดีงามที่ดีกว่าเสมอ    ไม่ว่าหนทางสายนี้จะเต็มไปด้วยปัญหาหรืออุปสรรคมากมายสักแค่ไหนก็ตามแต่เราก็ยังอยากที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าต่อไป เพราะชีวิต คือ การเคลื่อนไหวไม่ใช่การหยุดนิ่งอยู่กับที่ การก้าวเดินไปข้างหน้า   แม้จะเป็นเพียงก้าวเดียวแต่นั่นก็แสดงให้เห็นถึงความเคลื่อนไหว…มิใช่หรือ

ธรรมชาติและความเป็นไปของชีวิต  ย่อมมีขึ้น ๆ ลง ๆประดุจดั่งสายแม่น้ำที่บางครั้งก็เต็มปริ่มจนล้นฝั่งในขณะที่บางครั้งก็ลดลงจนแห้งขอด    เหมือนกับชีวิตของคนเราที่ย่อมจะมีทั้งสุขทุกข์นินทาสรรเสริญ สมหวังผิดหวัง มีทั้งการได้รับและการสูญเสีย ซึ่งทุก ๆคนสามารถที่จะสัมผัสและเรียนรู้ได้ในทุกๆ ช่วงเวลาของชีวิต

เพราะถนนชีวิตสายนี้มิได้โรยไว้ด้วยดอกกุหลาบ    การดำเนินชีวิตของคนเราในแต่ละวัน จึงย่อมจะมีทั้งความเรียบง่ายและความยากลำบาก

อาจมีหลายๆครั้งที่เราต้องพบกับปัญหาหรืออุปสรรคที่หนักหน่วงเกินกว่าจะอดทนไหว    ทั้งปัญหาด้านสุขภาพและปัญหาด้านจิตใจที่เข้ามารุมล้อมจนอาจทำให้เรารู้สึกท้อแท้ไปบ้าง

แต่อย่างไรก็ตามชีวิตก็คือกระบวนการแก้ไขปัญหาโดยธรรมชาติ เมื่อมีปัญหาหรืออุปสรรคเกิดขึ้นเราจึงไม่ควรวิ่งหนีปัญหา เพราะการวิ่งหนีปัญหาก็คือการวิ่งหนีตัวเอง      แต่เราควรที่จะใช้สติปัญญาและความอดทนเข้าไปแก้ไขซึ่งเป็นหน้าที่ของเราเองที่จะต้องต่อสู้และแก้ไขมันด้วยตนเอง    จนกว่าทุกอย่างจะคลี่คลายลง เมื่อมีปัญหาที่ใด ก็จงแก้ไขตรงจุดนั้นเมื่อทุกข์ที่กาย ก็จงแก้ไขที่กาย    และเช่นกันเมื่อมีความทุกข์หรือปัญหาเกิดขึ้นที่ใจก็จงแก้ไขปัญหาเหล่านั้นที่ใจด้วยว่าไม่มีความทุกข์หรือปัญหาใด ๆ ในโลกนี้ที่เราจะดับหรือแก้ไขไม่ได้

ปัจจุบันนี้มีคนจำนวนไม่น้อยที่หลงระเริงอยู่กับเกียรติยศและความสุขจนลืมตัว      ตลอดจนหยิ่งทรนงในความกล้าหาญและยิ่งใหญ่อันจอมปลอมของตนเอง  แต่เมื่อถึงยามที่ชีวิตต้องพบกับอุปสรรคหรือปัญหา     ก็กลับวิ่งหนีปัญหาหรือโยนความผิดให้กับสิ่งอื่น โดยขลาดกลัว   ไม่ยอมที่จะเผชิญปัญหาด้วยตนเองซึ่งชีวิตของเขาเหล่านั้น ช่างเป็นชีวิตที่อาภัพและน่าสงสาร  เพราะไม่มีความแตกต่างใดๆกับชีวิตของเจ้าตูบที่วิ่งหนีตัวเองและกระป๋องน้ำอัดลมจนสิ้นลมหายใจ

อย่า….อย่าเป็นเช่นนั้นเลย.     อย่าเป็นเช่นนั้นเลย

เกี่ยวกับวัดฯ

  • ประวัติอาสนวิหาร
  • แม่พระอัสสัมชัญ
  • บรรณฐาน
  • สถาปัตยกรรม
  • กระจกสี
  • ภาษาลาตินในวัด

บริการต่างๆ

  • ล้างบาปทารก / Baptisms
  • แต่งงาน / Wedding
  • การขออนุญาตถ่ายภาพ

สารวัดย้อนหลัง

  • บทสนทนาจากเจ้าอาวาส
  • คิดสักนิด...สะกิดใจ...
  • ปลัดแก่ ซอย40
  • ปี 2012

บุคลากร/องค์กรต่างๆในวัด

  • พระสงฆ์
  • สำนักงานวัด
  • สภาภิบาล
  • นักขับร้อง
  • สโมสรเยาวชน

ลิงค์คาทอลิก

  • สภาสังฆราชคาทอลิกประเทศไทย
  • อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
  • หอจดหมายเหตุ อัครสังฆมณฑลฯ
  • สื่อมวลชนคาทอลิกประเทศไทย
Facebook-f Youtube