• หน้าแรก
  • เกี่ยวกับอาสนวิหาร
    • ประวัติอาสนวิหารอัสสัมชัญ
    • สถาปัตยกรรม
    • บรรณฐาน
    • ภาษาลาตินในวัด
    • กระจกสี / stained-glass
    • รูปนักบุญ / saint sculpture
  • บริการต่างๆ
    • ล้างบาปทารก / Baptisms
    • การถ่ายภาพ / Take pictures
    • แต่งงาน / wedding
  • ติดต่อสอบถาม/Contact us
  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับอาสนวิหาร
    • ประวัติอาสนวิหารอัสสัมชัญ
    • สถาปัตยกรรม
    • บรรณฐาน
    • ภาษาลาตินในวัด
    • กระจกสี / stained-glass
    • รูปนักบุญ / saint sculpture
  • บริการต่างๆ
    • ล้างบาปทารก / Baptisms
    • การถ่ายภาพ / Take pictures
    • แต่งงาน / wedding
  • ติดต่อสอบถาม/Contact us

2013-02-17 วิธีชนะบาป

วิธีชนะบาป

                   “เมื่อปีศาจทดลองพระองค์ทุกวิถีทางแล้ว จึงแยกจากพระองค์ไป รอจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม” (ลูกา 4:13)

            ทดลองพระองค์ทุกวิถีทางแล้ว แต่ก็ต้องยอมแพ้พระเยซูเจ้าและจำต้องตีจากพระองค์ไป

            มีหลายคนถามว่า จะอดอาหารกันไปทำไม? และจะได้ประโยชน์อะไรถ้าต้องอดอาหารและไม่กินข้าว? ซ้ำร้ายเมื่อใดหรือวันใดที่ต้องอดอาหาร วันนั้นจะรู้สึกหิวเป็นพิเศษ อีกทั้งมีพลังลึกลับบางอย่างที่ผลักดัน (จากภายใน) ให้รู้สึกอยากกินโน่น กินนี่อยู่ตลอดเวลา จนบางครั้งหรือบ่อยครั้งทนไม่ได้ ต้องกินตามความอยาก

            บิล ไบรท์ เขียนไว้ว่า “การอดอาหารเป็นวิธีการพื้นฐาน ของการบูรณะฟื้นฟู โดยการถ่อมจิตวิญญาณของเรา การอดอาหารช่วยปลดปล่อยให้พระจิตทำงานพิเศษของพระองค์ในตัวเราเพื่อฟื้นฟูเรา”

            และอีกข้อความหนึ่ง

            “การอดอาหารบั่นทอนกำลังของตนเอง (กำลังกาย) เพื่อพระจิตจะสามารถทำงานที่เข้มข้นมากขึ้นภายในตัวเรา”

            การอดอาหาร หรือการจำศีล ไม่ใช่เรื่องไร้สาระ แต่เป็นกิจกรรมที่ทรงพลัง ในการช่วยฟื้นฟูจิตวิญญาณให้เข้มแข็ง ในขณะที่ร่างกายกำลังอ่อนแอ จิตวิญญาณก็เข้มแข็งขึ้น

            ในวิถีทางแห่งสุขภาพในปัจจุบัน เพื่อการมีสุขภาพที่ดีขึ้นกระบวนการอดอาหาร ถูกผนวกเข้าไปเป็นวิธีการหนึ่งในการเสริมสร้างสุขภาพ และพลานามัย โดยเรียกด้วยการใช้ภาษา ที่หลายคนรู้จัก ว่ากระบวนการล้างพิษ หรือ การทำดีท๊อกซ์ (Detoxification) การทำดีท๊อกซ์ ที่ถูกต้อง ต้องเริ่มต้นด้วย

  1. การอดอาหาร จากนั้น ตามด้วย
  2. กระบวนการขับสารพิษออกจากร่างกายโดยใช้สารอาหารตามธรรมชาติต่างๆ ประเภทน้ำ

กระบวนการ 2 อย่างนี้ต้องควบคู่กันไป ขาดอันใดอันหนึ่งไม่ได้ การอดอาหาร ต้องกระทำอย่างน้อย 3 ถึง 7 วัน เพื่อให้ระบบภายในทำงานด้วยตัวของมันเองในการกำจัดสารพิษที่สะสมอยู่ภายใน หลายคนบอกว่าจะล้างพิษแต่ทำแค่ กระบวนการที่ 2 คือ กินสารขับพิษโดยแต่ไม่ยอมทำ กระบวนการที่ 1 คือ อดอาหาร การล้างพิษ หรือการทำดีท๊อกซ์ประเภทนี้จึงไม่เกิดผลเพราะไม่ครบกระบวนการ

การอดอาหารเป็นกิจกรรมที่ทำกันมาตั้งแต่ยุคโบราณ ดู เฉลยธรรมบัญญัติ บทที่ 9 ข้อ 9 เมื่อข้าพเจ้า (โมเสส) ขึ้นไปบนภูเขาเพื่อจะรับศิลาจารึก คือแผ่นจารึกพันธสัญญาซึ่งพระยาห์เวห์ทรงกระทำกับพวกท่าน ข้าพเจ้าอยู่บนภูเขา 40 วัน 40 คืน ข้าพเจ้าไม่ได้รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำ (อดอาหาร)

อีกตอนหนึ่งของ เฉลยธรรมบัญญัติ บทที่ 9 ข้อ 18 แล้วข้าพเจ้า(โมเสส) ก็หมอบกราบลง เฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์อย่างครั้งก่อน ไม่ได้รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำ (อดอาหาร) 40 วัน 40 คืน เพราะบาปทั้งสิ้นที่ท่านทั้งหลายทำ คือ ได้ทำชั่ว ในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ทำให้พระองค์ทรงพระพิโรธ”

โมเสส อดอาหารก่อนจะได้พบกับพระเจ้า และเพื่อจะให้ตัวเองบริสุทธิ์ผุดผ่องก่อนพบพระเจ้า โมเสสจึงชำระชีวิตของตนด้วยการอดอาหาร

ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเก่า การอดอาหารเป็นกิจกรรมที่ทำกัน อยู่เสมอๆ โดยบรรดาบุคคลสำคัญๆในพระคัมภีร์ เมื่อมีเหตุการณ์สำคัญๆ หรือ ก่อนจะมีเหตุการณ์สำคัญๆ

นักบุญเปาโลเองทำการอดอาหารบ่อยๆในช่วงชีวิตของการเป็นธรรมทูต และเป็นผู้ประกาศข่าวดีของพระเยซูเจ้า ดู โครินธ์ 9:27 แต่ข้าพเจ้าเคร่งครัดต่อร่างกาย(อดอาหาร) เพื่อบังคับให้ร่างกายอยู่ใต้อำนาจของข้าพเจ้า ด้วยเกรงว่าหลังจากที่ได้เทศน์สอนคนอื่นแล้วข้าพเจ้าอาจถูกตัดสิทธิ์เพราะผิดกติกา”

การเคร่งครัดต่อร่างกายของเปาโล คือการอดอาหาร แสดงว่าการอดอาหารมีพลังสามารถปราบราคตัณหาและบาปในตัวเรา

และพระเยซูเจ้าได้ตรัสสอนว่า “ถ้าผู้ใดอยากตามเรา ก็จงเลิกคิดถึงตนเอง จงแบกไม้กางเขนของตนและติดตามเรา” (มัทธิว 16:24)

การเลิกคิดถึงตนเองคือการเอาชนะและปฏิเสธตัวเอง ปฏิเสธความอยากของตัวเองในทุกๆด้าน

ความอยากของมนุษย์เราโดยทั่วไปมักจะสวนทางกับความต้องการของพระเป็นเจ้า(น้ำพระทัย)อยู่เสมอ และความอยากพื้นฐานของมนุษย์ ก็คือ การกิน หรือ การรับประทาน ซึ่งถือเป็นความต้องการ หรือ ความอยากในระดับต่ำสุดของชีวิต ทั้งของมนุษย์และของสัตว์ นอกนั้นเวลากินยังต้องเลือกอาหารการกินอย่างเป็นพิเศษ

ดังนั้นการสามารถควบคุมความอยากเรื่องอาหารได้ (รู้จักอดอาหาร) เราก็จะสามารถควบคุมความอยากอื่นๆได้ง่ายขึ้น

นีล แอนเดอร์สัน กล่าวไว้ว่า “การกินเป็นปู่(รากเหง้า)ของความอยากทั้งปวง การอดหาร เป็นการทุ่มเทอย่างหนึ่งที่นำมาซึ่งการบังคับตนเอง และทำให้สามารถเอาชนะการประจญทุกอย่างที่ก่อตัวขึ้นมา” (ความอยากด้านกามารมณ์ อยากเงินทอง เกียรติยศ ชื่อเสียง ยศฐาบรรดาศักดิ์ ฯลฯ )

ดังนั้นหลังอดอาหาร 40 วัน พระเยซูเจ้าจึง

  1. ทรงชนะความอยากอำนาจ และความอยากความมั่งมีศรีสุขของโลก (ดู ลูกา 4:6)
  2. ทรงชนะการชอบแสดงอิทธิฤทธิ์ ความชอบเป็นใหญ่เป็นโต และการชอบแสดงอำนาจบาดใหญ่ (ดู ลูกา 4:9-11)

ดังนั้นถ้าจะรู้จักอดอาหารบ้าง บางมื้อ บางโอกาส ก็คงไม่ถึงกับจะต้องตาย อย่าทำตัวเป็นทาสของอาหารวันละ 3 มื้อ 5 มื้อ รู้จักสร้างความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณและการเอาชนะบาป ด้วยการรู้จักอดอาหารบ้างทุกๆวันไม่เฉพาะในช่วงเทศกาลมหาพรตเท่านั้นแต่ให้ทำบ่อยๆ และถ้าเรารู้จักบังคับความอยากของลิ้นได้เราก็จะค่อยๆรู้จักบังคับความอยากในด้านอื่นๆได้เช่นกัน

เกี่ยวกับวัดฯ

  • ประวัติอาสนวิหาร
  • แม่พระอัสสัมชัญ
  • บรรณฐาน
  • สถาปัตยกรรม
  • กระจกสี
  • ภาษาลาตินในวัด

บริการต่างๆ

  • ล้างบาปทารก / Baptisms
  • แต่งงาน / Wedding
  • การขออนุญาตถ่ายภาพ

สารวัดย้อนหลัง

  • บทสนทนาจากเจ้าอาวาส
  • คิดสักนิด...สะกิดใจ...
  • ปลัดแก่ ซอย40
  • ปี 2012

บุคลากร/องค์กรต่างๆในวัด

  • พระสงฆ์
  • สำนักงานวัด
  • สภาภิบาล
  • นักขับร้อง
  • สโมสรเยาวชน

ลิงค์คาทอลิก

  • สภาสังฆราชคาทอลิกประเทศไทย
  • อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
  • หอจดหมายเหตุ อัครสังฆมณฑลฯ
  • สื่อมวลชนคาทอลิกประเทศไทย
Facebook-f Youtube