สวัสดีครับ…สัปดาห์ละครั้ง…
————————————————————————————
“ไหว้ครู” นับว่าเป็นประเพณีและวัฒนธรรมของประเทศไทยมาตั้งแต่โบร่ำโบราณเกิดมาก็เคยพบเคยเห็นและเคยปฏิบัติมาทุกๆปีสมัยเป็นนักเรียนได้เคยค้นหาดูพบว่าพิธีไหว้ครูนี้เป็นกรณีเฉพาะจริงๆสำหรับประเทศไทยและอีก2-3 ประเทศเพื่อนบ้านของเรา
พิธีไหว้ครูมิได้หมายความถึงการไหว้ครูในสถาบันการศึกษาเท่านั้นแต่ยังเห็นประเพณีนี้อีกหลายๆแห่งเช่นก่อนการชกมวยไทยก่อนการแสดงละครโขนหรือการแสดงต่างๆด้วยจุดประสงค์เพื่อระลึกถึงพระคุณของครูบาอาจารย์เพื่อบารมีของครูบาอาจารย์จะช่วยให้กิจกรรมต่างๆที่จะกระทำนั้นสำเร็จลุล่วงด้วยดี
เดือนมิถุนายนของทุกๆปีทุกโรงเรียนและสถาบันการศึกษาในประเทศไทยจะจัดให้มีพิธีนี้โดยให้ใช้วันพฤหัสฯ(วันครู) ใดพฤหัสฯหนึ่งในเดือนนี้จัดพิธีดังกล่าว
ในพิธีไหว้ครูของนักเรียน+นักศึกษาก็จะนิยมจัดพานพุ่มที่ประกอบด้วยดอกไม้สำคัญมีความหมาย4 ชนิดคือ หญ้าแพรกที่มีความหมายถึงการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วมีความอดทนต่อการตีสอนว่ากล่าวตักเตือนของครูบาอาจารย์ได้ ดอกเข็มมีความหมายให้นักเรียนมีสติปัญญาเฉียบแหลมในการศึกษาเล่าเรียน ดอกมะเขือมีความหมายให้นักเรียนอ่อนน้อมสุภาพถ่อมตนเหมือนดอกมะเขือที่จะคว่ำลงเสมอเมื่อจะเกิดผล ส่วนข้าวตอกหมายถึงให้นักเรียนรู้จักบ่มเพาะคุณภาพความดีงามเพื่อจะได้เบ่งบานออกมาสวยงามเหมือนข้าวตอกที่ถูกคั่วจนแตกออกมามีเนื้อสีขาวสวยงาม
อย่างไรก็ตามมีอยู่หลายครั้งได้ยินพระเยซูเจ้าทรงบอกศิษย์ของพระองค์ว่า“อย่าเรียกใครว่าหรืออาจารย์(รับบี) เพราะท่านมีอาจารย์เพียงผู้เดียวและทุกคนเป็นพี่น้องกัน”(มธ. 23:8-9) เชื่อว่าหลายท่านก็อาจจะมีความสงสัยเช่นเดียวกันว่าแล้วยังไงกัน?ภายหลังจึงทราบว่าพระวาจาของพระเจ้าหรือพระคัมภีร์นั้นเขียนเพื่อสอนและการสอนนั้นจะเน้นเป็นครั้งๆเป็นแต่ละสถานการณ์ตรงนี้พระองค์ทรงต้องการจะบอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นขึ้นกับพระบิดาต้องถวายเกียรติแด่พระองค์ก่อนอื่นใดหมดเหมือนกับนิทานเปรียบเทียบเรื่อง“อูฐลอดรูเข็ม”เหมือนกันมิใช่ความหมายตามตัวอักษรนั่นเอง
เอาเป็นว่าคุณไหว้ครูหรือยังถ้ายังก็อย่าลืมคิดถึงคุณครูของเราทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่และล่วงลับไปแล้วนะครับ…สวัสดีครับ