มนุษย์หนอมนุษย์… จะอยากได้ไปถึงไหนกัน…
ถ้าท่านทั้งหลายกลับคืนชีพพร้อมกับพระคริสตเจ้าแล้ว ก็จงใฝ่หาแต่สิ่งที่อยู่เบื้องบนเถิด(คส3:1)
คำพูดที่ว่า“สมบัติอยู่ที่ไหนใจของท่านก็อยู่ที่นั่น…” เป็นจริงมากน้อยเพียงใดกับคำพูดประโยคสั้นๆประโยคนี้พี่น้อง… แต่เช้าเราตื่นขึ้นมาเราทำสิ่งใด เราตัดสินใจเลือกสิ่งใด ตามแต่ใจเรารักแต่ใจเราปรารถนาใช่หรือไม่ หากไม่ใช่เพื่อความชอบพอในวันนี้ก็เพื่อหวังไว้สักวันในวันหนึ่งข้างหน้า
เด็กๆก็รักที่จะสะสมอุปกรณ์ของเล่นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เติบโตหน่อยก็เริ่มชอบเครื่องใช้ไม้สอยสิ่งอำนวยความสะดวกสบายต่อเมื่อเป็นผู้ใหญ่วัยทำงานเครื่องใช่ในบ้านรถบ้านช่องก็เป็นเรื่องเติบใหญ่ตามอายุอานามกันไป จนที่สุดใกล้จะหมดเรี่ยวแรงก็ปรารถนาจะสะสมอายุไขให้มากขึ้น แม้จะฝืนธรรมชาติและความจริงก็ตาม
ความโลภซึ่งเป็นเหมือนการกราบไหว้รูปเคารพอย่างหนึ่ง(คส3:5)
เมื่อบาปเข้ามาครอบงำหัวใจสีชมพูที่เต็มไปด้วยความรักเมตตาที่พระบิดาประทานให้ลูกๆของพระองค์ หัวใจสีชมพูทั้งหลายนี้ก็แปรเปลี่ยนไปเป็นสีดำมืดด้วยความโลภและรักแต่ตัวเองเท่านั้น ทุกห่วงเวลาของชีวิตเรามนุษย์จึงพบเห็นแต่เรื่องรัก-โลภ-โกรธ-หลงเพื่อความสุขของตนเพียงเท่านั้น
คำเตือนของพระเยซูเจ้าในพระวรสารวันนี้ที่ว่า“จงระวังและรักษาตัวไว้ให้พ้นจากความโลภทุกชนิด เพราะชีวิตของคนเราไม่ขึ้นกับทรัพย์สมบัติของเขา แม้ว่าเขาจะมั่งมีมากเพียงใดก็ตาม”(ลก12:15) จึงเป็นคำตักเตือนที่ดีสำหรับในปัจจุบันด้วย เพื่อเราจะพบความสุขแท้จริงที่พระเยซูนำมาให้
เขาจะเรียกเอาชีวิตเจ้าไป แล้วสิ่งที่เจ้าได้เตรียมไว้จะเป็นของใครเล่า(ลก12:20)
ยามเมื่อครั้งเป็นเด็กน้อยในอ้อมอกแม่ เด็กน้อยสุขและอิ่มใจทุกเมื่อยามแม่โอบอุ้มตะกองกอดและป้อนนม ยามเมื่อเติบโตทุกครั้งที่ได้พบเจอในหมู่เพื่อนแม้ไม่มีอุปกรณ์ของเล่นก็สนุกเพลิดเพลินจนลืมวันลืมเวลาไปได้ขอเพียงมีเพื่อนพบเพื่อน เติบใหญ่วัยอุดมศึกษาหรือวัยทำงานสุขใจทุกโมงยามเคียงข้างกับมิตรแท้ ยามทุกข์ใจเพียงใดก็ร่วมกันผ่านพ้นไปได้ล้มและลุกขึ้นร่วมกันได้เสมอกับคู่ชีวิตที่เข้าใจ-ยอมรับ-รักและอภัยกันและกันได้
สุดท้ายสุขใจพรักพร้อมเสมอแม้ใกล้ตกตายจากโลกนี้ไป เพราะทั้งหมดในหัวใจมีเพียง…พระองค์ สุขใจได้แม้ไม่มีสมบัติที่หวังสะสม “วันนี้สมบัติที่อยู่ในหัวใจของคุณคืออะไร คือ“ความรักแท้ของพระเป็นเจ้าพระบิดา” หรือคือสิ่งใดกันครับ “มนุษย์หนอมนุษย์ จะอยากได้ไปถึงไหนกัน…”