• หน้าแรก
  • เกี่ยวกับอาสนวิหาร
    • ประวัติอาสนวิหารอัสสัมชัญ
    • สถาปัตยกรรม
    • บรรณฐาน
    • ภาษาลาตินในวัด
    • กระจกสี / stained-glass
    • รูปนักบุญ / saint sculpture
  • บริการต่างๆ
    • ล้างบาปทารก / Baptisms
    • การถ่ายภาพ / Take pictures
    • แต่งงาน / wedding
  • ติดต่อสอบถาม/Contact us
  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับอาสนวิหาร
    • ประวัติอาสนวิหารอัสสัมชัญ
    • สถาปัตยกรรม
    • บรรณฐาน
    • ภาษาลาตินในวัด
    • กระจกสี / stained-glass
    • รูปนักบุญ / saint sculpture
  • บริการต่างๆ
    • ล้างบาปทารก / Baptisms
    • การถ่ายภาพ / Take pictures
    • แต่งงาน / wedding
  • ติดต่อสอบถาม/Contact us

2013-09-08 การแบกไม้กางเขน และการละทิ้งตัวกูของกู

การแบกไม้กาง เขน และ การละทิ้งตัวกูของกู

                   ปรีชาญาณชี้ให้เราเห็นสภาพแท้ๆของมนุษย์ ปรีชาญาณชี้ให้เราเห็นชัดๆว่า ความจริงแล้วมนุษย์คือใครและเป็นอะไร

          มนุษย์ คือ ผู้รู้ตาย

          มนุษย์ คือ ผู้ใช้เหตุผลอย่างไม่มั่นใจ

          มนุษย์ คือ ผู้ใช้ความคิดอย่างเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา

          มนุษย์ คือ ผู้ที่จะมองสิ่งต่างๆอย่างไม่ตรงความจริง

เหล่านี้ คือ ความจำกัด ในชีวิตมนุษย์ และสุดท้ายความจำกัดเหล่านี้ก็เป็นผลจากสิ่งเดียวคือ มนุษย์เป็นสิ่งสร้างของพระเจ้า เฉกเช่นสิ่งสร้างทั้งหลาย และสิ่งที่พระเป็นเจ้าใช้สร้างมนุษย์ก็คือ ดิน เพียงแต่ดินนี้ได้รับสิทธิพิเศษ คือ การได้รับพระคุณลักษณะ หรือ พระฉายาลักษณ์ของพระเจ้าไว้ในตัว

พระฉายาลักษณ์นี้แหละที่ทำให้มนุษย์อยู่เหนือสรรพสิ่งทั้งหลาย แต่ก็ยังไม่พ้นความเป็นดินอยู่ดี เพียงแต่เป็นดินที่มีความคิดความอ่าน เหนือสัตว์ทั้งหลายเท่านั้นเอง ดังนั้นมนุษย์จึงสามารถที่จะพัฒนาตัวเอง และสร้างวิวัฒนาการให้แก่ทั้งตัวเองและแก่โลก

แต่ก็น่าเสียดายที่ ดินที่มีปัญญานี้ ณ จุดหนึ่งของประวัติศาสตร์ ดินที่มีปัญญา ถูกหลอกลวง และทำให้หลงไปโดยสิ่งที่มีชีวิตที่อยู่เหนือกว่าตน คือ ปีศาจ

ปีศาจ ก็คือ เทวดาตกสวรรค์ เพราะปีศาจคิดคดและทรยศต่อพระเจ้า แต่แม้เป็นปีศาจ และ ความฉลาดหลักแหลมสมัยเป็นเทวดา ถูกทำให้เปื้อนหมอง เลอะเลือน เฉไฉ ปัดเป๋ไปบ้างด้วยการคิดคดทรยศต่อพระเจ้า แต่ถึงกระนั้นจิตวิญญาณของปีศาจ ก็ยังฉลาดหลักแหลม มากกว่ามนุษย์หลายร้อยหลายพันเท่า และด้วยเหตุนี้มนุษย์จึงถูกปีศาจหลอก และตกเป็นทาสของมัน มนุษย์ถูกหลอกโดยปีศาจในอดีตกาล มนุษย์ยังคงถูกปีศาจหลอกในปัจจุบัน และจะยังคงถูกปีศาจหลอกลวงต่อๆไปในอนาคต

มนุษย์ที่ถูกหลอกยังคงดำเนินชีวิต ติดตามการหลอกลวงของปีศาจ แม้พระเยซูได้เสด็จมาแล้ว ได้แนะนำแนวทางการดำเนินชีวิตที่ดีแก่มนุษย์ก็แล้ว แต่มนุษย์จำนวนไม่น้อยยังเลือกที่จะเดินตามแนวทางหลงๆ หลอกๆ ที่ปีศาจวางเอาไว้ แนวทางหลงๆ หลอกๆ เหล่านั้นถูกเรียกในภาษาปัจจุบันว่า กระแสของโลก

มนุษย์ผู้ยังคงเดินติดตามแนวทางของปีศาจแต่ก็ยังบังอาจเรียกตัวเองว่าผู้ฉลาด ความเป็นผู้ฉลาดอย่างโง่ๆของมนุษย์ สร้างให้เกิดความรู้สึกนึกคิดที่ผิดๆในตัว และความรู้สึกนึกคิดที่ผิดๆนั้นก็คือ ตัวกูของกู

ตัวกูของกูคือ ตัวกำหนด ความคิด และการกระทำของมนุษย์

ตัวกูของกูคือ ตัวกำหนด ท่าทีของมนุษย์ที่มีต่อกัน

ตัวกูของกูคือ สิ่งที่ทำให้มนุษย์มองผู้อื่นจากมุมมองของตัวเองแทนที่จะมองผู้อื่นในสิ่งที่ผู้อื่นเป็น สุดท้ายก็ตัดสินคนอื่นอย่างเบาความ อย่างไร้ความคิด

และท้ายที่สุด ตัวกูของกู คือ สิ่งที่ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างในโลก

อาดัมและเอวา ถูกปีศาจหลอกให้ยึดถือ ตัวกูของกู และดังนั้น อาดัมและเอวาจึงปฏิเสธที่จะทำตามคำสั่งสอนของพระเป็นเจ้า

มนุษย์ปัจจุบันที่ยึดตัวกูของกู ก็มักจะไม่ทำตามอะไรๆที่พระเป็นเจ้าสอน อีกทั้งไม่ทำตามอะไรๆที่ผู้แทนของพระเป็นเจ้าสอนเช่นเดียวกัน แต่จะทำทุกอย่างที่ตัวเองคิดว่าถูก และดี ณ ตรงนี้ขอให้อ่านบทอ่านจากปรีชาญาณซ้ำอีกครั้งและเราจะพบตัวตนของเรา

พระวรสารวันนี้พระเยซูเรียกร้องมนุษย์ให้ติดตามพระองค์ เพื่อจะได้เป็นศิษย์ของพระองค์

ติดตามพระองค์แปลว่า พระองค์ทรงเรียกร้องให้ละทิ้งตัวกูของกู เพื่อติดตามตัวตนของพระเยซูเจ้า การติดตามพระเยซูเจ้าจะยังคงยึดตัวกูขอกูต่อไปอีกไม่ได้ แต่จำเป็นต้องละทิ้งตัวกูของกู

และการละทิ้งตัวกูของกู ก็คือ การแบกไม้กางเขน ของตนและติดตามพระเยซูเจ้าไป

การแบกไม้กางเขน ไม่ใช่ การหลั่งเลือด

การแบกไม้กางเขน ไม่ใช่ การน้อมรับความยากลำบาก หรือความเจ็บปวดจากภายนอก

การแบกไม้กางเขน ไม่ใช่การทรมานตัวเอง

แต่การแบกไม้กางเขน ก็คือ การละทิ้งตัวกูของกู

การแบกไม้กางเขน หรือ การละทิ้งตัวกูของกูก็คือ การตัดใจ ไม่ทำตามใจตัวเอง ไม่ยึดเอาตัวตนของตนเป็นศูนย์กลางแต่ยึดเอาพระเยซูเจ้าเป็นศูนย์กลาง

สวัสดี...พ่อสานิจดังนั้นกางเขน หรือ การแบกไม้กางเขน คือ การดำเนินชีวิต ตัดใจจากทุกสิ่งทุกอย่าง ตัดใจแม้กระทั่งไม่ยึดเอาน้ำใจของตัวเองเป็นที่ตั้ง ทำชีวิตให้ว่างเปล่าเป็นศูนย์ เพื่อจะได้ให้น้ำพระทัย หรือ พระประสงค์ของพระเจ้า หลั่งไหลเข้ามาในชีวิตของเรา และนั่นคือประโยคสุดท้ายของพระเยซูเจ้าในพระวรสารนักบุญลูกาวันนี้ “ดังนั้นทุกท่านที่ไม่ยอมสละทุกสิ่งที่ตนมีอยู่ (คือทำตัวให้ว่างเปล่า หรือ การไม่ยึดตัวกูของกู) ก็เป็นศิษย์ของเราไม่ได้”

เกี่ยวกับวัดฯ

  • ประวัติอาสนวิหาร
  • แม่พระอัสสัมชัญ
  • บรรณฐาน
  • สถาปัตยกรรม
  • กระจกสี
  • ภาษาลาตินในวัด

บริการต่างๆ

  • ล้างบาปทารก / Baptisms
  • แต่งงาน / Wedding
  • การขออนุญาตถ่ายภาพ

สารวัดย้อนหลัง

  • บทสนทนาจากเจ้าอาวาส
  • คิดสักนิด...สะกิดใจ...
  • ปลัดแก่ ซอย40
  • ปี 2012

บุคลากร/องค์กรต่างๆในวัด

  • พระสงฆ์
  • สำนักงานวัด
  • สภาภิบาล
  • นักขับร้อง
  • สโมสรเยาวชน

ลิงค์คาทอลิก

  • สภาสังฆราชคาทอลิกประเทศไทย
  • อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
  • หอจดหมายเหตุ อัครสังฆมณฑลฯ
  • สื่อมวลชนคาทอลิกประเทศไทย
Facebook-f Youtube