สวัสดีครับ
สัปดาห์ละครั้ง อาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน 2556
วันเวลาผ่านๆไปอย่างรวดเร็วจริงๆมานั่งดูเหลืออีก50 วันก็จะส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่กันแล้ว… ท่ามกลางอุณหภูมิอันเร่าร้อนทางการเมืองณชั่วโมงนี้ต้องบอกว่าให้เรา“ตาอย่ากระพริบ” เพราะยังคาดเดาไม่ออกจริงๆว่าจะออกมาอย่างไร(ศ8 พ.ย. 8.30 น)
ดังที่กล่าวแต่แรกว่าวันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วและมันจะไม่หวนกลับมาอีกหรือถ้าจะเปรียบเทียบชีวิตคือการเดินทางก็ต้องบอกว่าตั๋วเดินทางของเราเค้าเรียกว่า“One Way Ticket”ดังชื่อเพลงฮิตติดอันดับเมื่อสี่ห้าสิบปีที่แล้วนั่นแหละไม่ใช่ตั๋วไป–กลับเหมือนเวลาเราเดินทางไปที่ไหนๆทั้งในและต่างประเทศเรามักจะซื้อตั๋วไป–กลับ
เมื่อเป็นเช่นนี้จึงมีคำพูดคำเตือนกันอยู่เสมอว่าให้เราทำวันนี้ให้ดีที่สุดเพราะวันนี้จะผ่านไปกลายเป็นอดีตและพร้อมๆกันทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้จะผ่านไปจะคงเหลืออยู่แต่ผลของการกระทำคำพูดซึ่งจะเกิดประโยชน์เกิดคุณค่าความดีงามความสุขหรือไม่ก็ตรงกันข้ามคือเป็นโทษเป็นความเลวร้ายก่อให้เกิดความทุกข์ยากกับตนเองหรือบางครั้งก็กระทบไปถึงส่วนรวมสังคมรอบข้างด้วย
ผมได้แต่ภาวนาขอให้เหตุการณ์ในบ้านเมืองของเราที่กำลังหน้าสิ่วหน้าขวานอยู่นี้ได้คลี่คลายไปในทางที่ดีไม่เกิดความรุนแรงเลวร้ายไปกว่านี้…
ทำให้คิดถึงน้ำท่วมล่าสุดที่กำลังคลี่คลายมีเพื่อนๆโทรมาเล่าให้ฟังว่าน้ำกำลังจะเข้าบ้านเข้าโรงงานเหลืออีกนิดเดียวต้องลุ้นกันยี่สิบสี่ชั่วโมงและขอให้สวดภาวนาให้พ้นวิกฤตก็เลยบอกว่าเอาเป็นว่าเราขอให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์จะดีกว่าทำเหมือนพระเยซูในสวนเกทเซมานีที่พระองค์ทรงภาวนาว่า“ข้าแต่พระบิดาขอให้กาลิกส์นี้ผ่านพ้นไปแต่อย่างไรก็ตามขอให้เป็นไปตามน้ำพระทัยฯ…” เพราะในความเชื่อของเราเรามั่นใจว่าพระองค์จะทรงประทานสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเราและดังที่เราทราบน้ำพระทัยพระบิดาก็คือ“พระเยซูบนกางเขนที่ทรงกอบกู้เรา”!!
สำหรับเพื่อนที่ขอให้ภาวนาให้และเขาก็ภาวนาด้วยตัวเขาเองพระองค์ทรงฟังคำภาวนาบ้าน-โรงงานจึงรอดจากอุทกภัยไปได้อย่างฉิวเฉียด
ผมจึงขอเชิญชวนพี่น้องทุกท่านภาวนาขอพระเจ้าสำหรับบ้านเมืองของเราฝากไว้ในพระเมตตาของพระองค์… สวัสดีครับ