“ความดี(ง่ายๆ) อย่างที่พ่อสอน, คนดี(เล็กๆ) อย่างที่พ่อเป็น…แบบอย่าง“
“ท่านจะต้องไม่เก็บความเกลียดชังพี่น้องไว้ในใจแต่จงตักเตือนเพื่อนบ้านอย่างตรงไปตรงมาท่านจะได้ไม่ต้องรับผิดชอบบาปของเรา ท่านจะต้องไม่แก้แค้นหรืออาฆาตชนชาติเดียวกับท่านแต่จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง“(ลนต19:17-18)
สามสี่วันก่อนได้ไปเยี่ยมแม่ที่บ้าน หลังจากที่คุณหมออนุญาตไม่ต้องทานยาเพื่อให้ท่านนอนหลับในช่วงกลางคืน ความแจ่มใสเสียงดังฟังชัดช่างพูดเจรจาที่เป็นธรรมชาติของแม่ก็กลับคืนมา แถมกำชับกำชาเสกสุสานที่วัดบ้านแพน”เราต้องเจอกันนะ” ความสดชื่นอย่างนี้ใครที่ได้พบเจอก็พลอยมีสันติสุขไปด้วย
ขณะที่คุยและสวดขอพรพระร่วมกันกับแม่ พอดีเหลือบตาไปเห็นตัวสี่ขาช่วยเดิน… ก็นิ่งไปนิดหนึ่ง นิ่งไปก็เพราะตัวช่วยเดินสี่ขาตัวนี้เป็นของคุณพ่อที่ได้จากเราลูกหลานไปเมื่อต้นเดือนตุลาคมปี่ที่ผ่านมานี่เอง นิ่ง…และอดคิดถึงท่านไม่ได้คิดถึงรอยยิ้มที่ท่านมีเสมอคิดถึงอารมณ์ดีๆที่ท่านมอบให้กับทุกคนที่มาเยี่ยมมานั่งคุยกับท่าน ไม่ว่าจะเป็นผู้เฒ่าหนุ่มสาววัยสดใสหรือลูกเด็กเล็กแดง นี่แหละคำสอนง่ายๆจากชีวิตที่เรียบง่ายของพ่อ
“อย่าโต้ตอบคนชั่วผู้ใดตบแก้มขวาของท่านจงหันแก้มซ้ายให้เขาด้วย ผู้ใดขออะไรจากท่านก็จงให้อย่าหันหลังให้ผู้ที่มาขอยืมสิ่งใดจากท่าน” (มธ5:39,42)
นึกย้อนไปนับแต่ที่เริ่มต้นชีวิตวัยเด็กเท่าจดจำได้ พ่อสอนให้สวด…ด้วยการร่วมนั่งสวดกันทั้งครอบครัวพ่อแม่ลูกและเพื่อนพี่น้องที่มาเยี่ยมและพักที่บ้านบ้านเราสวดก่อนนอนทุกค่ำคืน พ่อสอนให้เราไปวัดแม้ว่าครอบครัวจะถูกทำร้ายจะลำบากยากจนก็ตาม…จนแม้กระทั่งบั้นปลายชีวิตพ่อก็ยังขับขี่มอเตอร์ไซค์ไปวัด
ความดีในชีวิตอย่างเรียบง่ายอย่างที่พ่อได้ทำมาทั้งชีวิต คนดีเล็กๆไม่ต้องเด่นสำคัญอะไรมากในสังคมในโลกอย่างที่พ่อเป็นแบบชีวิตเสมอให้กับลูกๆในครอบครัวนี่แหละ… คือความดีที่พ่อสอนคนดีที่พ่อเป็นและเป็นแบบอย่างที่ถูกปลูกถูกถ่ายทอดลงสู่ชีวิตของลูกหลานของท่าน
“จงรักศัตรูจงอธิษฐานภาวนาให้ผู้ที่เบียดเบียนท่านเพื่อท่านจะได้เป็นบุตรของพระบิดาเจ้าสวรรค์พระองค์โปรดให้ดวงอาทิตย์ของพระองค์ขึ้นเหนือคนดีและคนชั่วถ้าท่านรักแต่คนที่รักท่านท่านจะได้บำเหน็จรางวัลอะไรเล่า ฉะนั้นท่านจงเป็นคนดีอย่างสมบูรณ์ดังที่พระบิดาเจ้าสวรรค์ของท่านทรงความดีอย่างสมบูรณ์เถิด” (เทียบมธ5:43-48)