• หน้าแรก
  • เกี่ยวกับอาสนวิหาร
    • ประวัติอาสนวิหารอัสสัมชัญ
    • สถาปัตยกรรม
    • บรรณฐาน
    • ภาษาลาตินในวัด
    • กระจกสี / stained-glass
    • รูปนักบุญ / saint sculpture
  • บริการต่างๆ
    • ล้างบาปทารก / Baptisms
    • การถ่ายภาพ / Take pictures
    • แต่งงาน / wedding
  • ติดต่อสอบถาม/Contact us
  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับอาสนวิหาร
    • ประวัติอาสนวิหารอัสสัมชัญ
    • สถาปัตยกรรม
    • บรรณฐาน
    • ภาษาลาตินในวัด
    • กระจกสี / stained-glass
    • รูปนักบุญ / saint sculpture
  • บริการต่างๆ
    • ล้างบาปทารก / Baptisms
    • การถ่ายภาพ / Take pictures
    • แต่งงาน / wedding
  • ติดต่อสอบถาม/Contact us

2014-03-30 ฉบับที่ 13

วิถีชุมชนวัดฃ…หนทางใหม่ของการเป็นคริสตชน (1)

โดยคุณพ่อยวงชัยยะกิจสวัสดิ์

ในอุปมาเรื่องผู้หว่านพระเยซูเจ้าทรงเปรียบพระวาจาเรื่องพระอาณาจักรของพระเจ้าเป็นเสมือนเมล็ดพืชส่วนเราผู้ฟังเป็นเสมือนดิน  บางคนเป็นดินริมทางเดินฟังพระวาจาไม่เข้าใจมารร้ายก็มาถอนสิ่งที่หว่านลงในใจจนหมด  บางคนเป็นดินบนพื้นหินฟังพระวาจาแล้วรับไว้ด้วยความยินดีแต่ไม่มีรากเมื่อเผชิญความยากลำบากเพราะพระวาจาก็ยอมแพ้ทันที  บางคนเป็นดินที่มีพงหนามปกคลุมฟังพระวาจาก็จริงแต่ความวุ่นวายทางโลกบวกกับความลุ่มหลงในทรัพย์สมบัติมาบดบังพระวาจาไว้จึงไม่เกิดผล  ส่วนบางคนเป็นดินดีฟังพระวาจาและเข้าใจจึงเกิดผลร้อยเท่าบ้างหกสิบเท่าบ้างสามสิบเท่าบ้าง”  (มธ13:3-9,18-23)

พี่น้องฟังแล้วก็คงคิดเหมือนๆกันว่าตัวเรานั้นต้องเป็นดินดีแน่นอนและส่วนใหญ่ก็คงคิดว่าเกิดผลร้อยเท่าอีกด้วย!

แต่วิถีดำเนินชีวิตเยี่ยงคริสตชนอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเช่นมาวัดทุกอาทิตย์แก้บาปรับศีลสม่ำเสมอถือตามบัญญัติของพระเจ้าและของพระศาสนจักรอย่างเคร่งครัดอดเนื้อทุกวันศุกร์แถมยังสวดภาวนาทุกเช้าค่ำอีกด้วยอย่างนี้พี่น้องคิดว่ามากพอแล้วเกิดผลร้อยเท่าแล้วหรือ?

ครั้งหนึ่งขณะพระเยซูเจ้ากำลังเดินทางมุ่งหน้าสู่กรุงเยรูซาเล็มพระองค์ทรงสั่งสอนประชาชนว่า“จงพยายามเข้าทางประตูแคบเพราะเราบอกท่านทั้งหลายว่าหลายคนพยายามจะเข้าไปแต่จะเข้าไม่ได้  เมื่อเจ้าของบ้านจะลุกขึ้นเพื่อปิดประตูท่านจะยืนอยู่ข้างนอกเคาะประตูพูดว่า‘พระเจ้าข้าเปิดประตูให้พวกเราด้วย’ แต่เขาจะตอบว่า‘เราไม่รู้ว่าพวกเจ้ามาจากที่ใด’  แล้วท่านก็จะพูดว่า‘พวกเราได้กินได้ดื่มอยู่กับท่านท่านได้สอนในลานสาธารณะของเรา’ แต่เจ้าของบ้านจะตอบว่า‘เราไม่รู้ว่าพวกเจ้ามาจากที่ใดไปให้พ้นจากเราเถิดเจ้าทั้งหลายที่กระทำการชั่วช้า’”  (ลก13:24-27)

นี่ขนาดได้กินได้ดื่มอยู่กับพระเยซูเจ้าคือได้รับพระกายและพระโลหิตของพระองค์ในศีลมหาสนิทได้ฟังพระองค์เทศน์สอนผ่านทางพระสงฆ์บนธรรมาสน์ในวัดพระองค์ยังตรัสไล่อย่างรุนแรงว่า“ไปให้พ้นจากเราเถิดเจ้าทั้งหลายที่กระทำการชั่วช้า”

แปลว่าหากยังดำเนินชีวิตตามวิถีทางแบบเดิมๆอย่างในปัจจุบันอย่าว่าแต่จะเป็นดินดีเกิดผลน้อยนิดแค่สามสิบเท่าเลยยังไม่แน่ด้วยซ้ำไปว่าจะถูกพระองค์ขับไล่ไม่ให้เข้าพระอาณาจักรสวรรค์หรือไม่!

พี่น้องคงนึกค้านในใจ“ฉันไม่ได้ฆ่าแกงใครฉันไม่ได้ทำบาปอะไรฉันไม่ได้ทำอะไรผิดทำไมฉันจะเข้าสวรรค์ไม่ได้?” ใช่พี่น้องอาจไม่ได้ทำอะไรผิดแต่ขอให้พี่น้องนึกถึงอุปมาเรื่องเศรษฐีกับลาซารัสให้ดีเศรษฐีผู้นั้นไม่ได้ประกอบกรรมทำชั่วอะไรเลยเขาไม่ได้รังแกหรือขับไล่ลาซารัสออกจากบ้านเขาไม่ได้ทำอะไรผิดต่อลาซารัสแต่เขา“ผิดที่ไม่ได้ทำอะไรให้ลาซารัส”  เขาไม่สนใจลาซารัสที่นอนซมช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เขาไม่สนใจมนุษย์หน้าไหนทั้งนั้นและนี่คือเหตุผลว่าทำไมเขาจึงต้องทนทุกข์ทรมานแสนสาหัสในเปลวไฟหลังจากตายไปแล้ว  (ลก16:19-31) เพราะฉะนั้นแม้พี่น้องจะมั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิดต่อใครก็ตามแต่ในสายพระเนตรของพระเจ้าพี่น้องผิดแน่นอนที่ไม่ได้ทำอะไรให้ใครเลย!แล้วพระองค์ทรงประสงค์ให้เราทำอะไรเล่า?!

เห็นได้ชัดเจนว่าพระองค์ทรงประสงค์ให้เราเป็นเกลือดองแผ่นดินเป็นแสงสว่างส่องโลกให้แสงสว่างของเราส่องแสงต่อหน้ามวลมนุษย์เพื่อนำมนุษย์มาหาพระบิดาเจ้าเพราะฉะนั้นเราจะเอาแต่ไปวัดไปวาแก้บาปรับศีลแล้วสนใจเฉพาะตัวเราและครอบครัวของเราเท่านั้นไม่ได้พระองค์ตรัสย้ำบ่อยๆว่า“ถ้าผู้ใดติดตามเราโดยไม่รักเรามากกว่าบิดามารดาภรรยาบุตรพี่น้องชายหญิงและแม้กระทั่งชีวิตของตนเองผู้นั้นเป็นศิษย์ของเราไม่ได้  ผู้ใดไม่แบกกางเขนของตนและติดตามเราผู้นั้นเป็นศิษย์ของเราไม่ได้เช่นเดียวกัน… ดังนั้นทุกท่านที่ไม่ยอมสละทุกสิ่งที่ตนมีอยู่ก็เป็นศิษย์ของเราไม่ได้”(ลก14:25-33; มธ10:37-39)บางคนอาจแย้งว่าหน้าที่นำพาผู้คนมาหาพระเจ้าหรือการประกาศข่าวดีเรื่องพระอาณาจักรของพระเจ้าเป็นหน้าที่ของบรรดาพระสังฆราชพระสงฆ์และนักบวชชายหญิงแต่นี่เป็นความเข้าใจผิดเพราะพระเยซูเจ้าตรัสกับชาวบ้านธรรมดาๆผู้หนึ่งซึ่งปรารถนาจะติดตามพระองค์แต่ขออนุญาตไปฝังศพบิดาของเขาเสียก่อนว่า“จง​ปล่อย​ให้​คนตาย​ฝัง​คนตาย​ของ​ตน​เถิดส่วน​ท่าน​จง​ไป​ประกาศ​พระ​อาณา​จักร​ของ​พระ​เจ้า”(ลก9:60)แปลว่าหน้าที่ประกาศพระอาณาจักรของพระเจ้าเป็นหน้าที่ของเราคริสตชนทุกคนแม้เราจะไม่ได้เป็นพระสังฆราชไม่ได้เป็นพระสงฆ์หรือไม่ได้เป็นนักบวชก็ตาม!

(ต่อฉบับหน้า)

เกี่ยวกับวัดฯ

  • ประวัติอาสนวิหาร
  • แม่พระอัสสัมชัญ
  • บรรณฐาน
  • สถาปัตยกรรม
  • กระจกสี
  • ภาษาลาตินในวัด

บริการต่างๆ

  • ล้างบาปทารก / Baptisms
  • แต่งงาน / Wedding
  • การขออนุญาตถ่ายภาพ

สารวัดย้อนหลัง

  • บทสนทนาจากเจ้าอาวาส
  • คิดสักนิด...สะกิดใจ...
  • ปลัดแก่ ซอย40
  • ปี 2012

บุคลากร/องค์กรต่างๆในวัด

  • พระสงฆ์
  • สำนักงานวัด
  • สภาภิบาล
  • นักขับร้อง
  • สโมสรเยาวชน

ลิงค์คาทอลิก

  • สภาสังฆราชคาทอลิกประเทศไทย
  • อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
  • หอจดหมายเหตุ อัครสังฆมณฑลฯ
  • สื่อมวลชนคาทอลิกประเทศไทย
Facebook-f Youtube