• หน้าแรก
  • เกี่ยวกับอาสนวิหาร
    • ประวัติอาสนวิหารอัสสัมชัญ
    • สถาปัตยกรรม
    • บรรณฐาน
    • ภาษาลาตินในวัด
    • กระจกสี / stained-glass
    • รูปนักบุญ / saint sculpture
  • บริการต่างๆ
    • ล้างบาปทารก / Baptisms
    • การถ่ายภาพ / Take pictures
    • แต่งงาน / wedding
  • ติดต่อสอบถาม/Contact us
  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับอาสนวิหาร
    • ประวัติอาสนวิหารอัสสัมชัญ
    • สถาปัตยกรรม
    • บรรณฐาน
    • ภาษาลาตินในวัด
    • กระจกสี / stained-glass
    • รูปนักบุญ / saint sculpture
  • บริการต่างๆ
    • ล้างบาปทารก / Baptisms
    • การถ่ายภาพ / Take pictures
    • แต่งงาน / wedding
  • ติดต่อสอบถาม/Contact us

2014-06-01 ฉบับที่ 22

สมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นสวรรค์

หนังสือหนทางสวรรค์   เล่ม 1

ในหนังสือกิจการอัครสาวกมีกล่าวถึงการเสด็จสู่สวรรค์ของพระเยซูเจ้าดังนี้ สี่สิบวันหลังจากที่พระองค์กลับคืนชีพ พระเยซูเจ้าทรงนำบรรดาอัครธรรมทูตไปยังภูเขามะกอก พระองค์ทรงชูพระหัตถ์อวยพรเขา ขณะที่พระองค์ทรงอวยพรเขาอยู่ พระเจ้าได้ทรงรับพระองค์ขึ้นต่อหน้าต่อตาเขาและมีเมฆคลุมพระองค์ให้พ้นสายตาของเขา เมื่อเขากำลังเขม้นดูฟ้า  เวลาที่พระองค์เสด็จขึ้นไปนั้น มีสองคนสวมเสื้อขาวมายืนอยู่ข้างๆ เขา  สองคนนั้นกล่าวว่า “ชาวกาลิลีเอ๋ย เหตุไฉนท่านจึงเขม้นดูฟ้าสวรรค์? พระเยซูองค์นี้ซึ่งลับจากท่านขึ้นไปบนสวรรค์นั้น จะเสด็จมาอีกเหมือนอย่างที่ท่านทั้งหลายได้เห็นพระองค์เสด็จไปยังสวรรค์นั้น จะเสด็จมาอีกเหมือนอย่างที่ท่านทั้งหลายได้เห็นพระองค์เสด็จไปยังสวรรค์นั้น” อัครสาวกจึงลงจากภูเขามะกอกกลับไปเยรูซาเล็มด้วยความปีติยินดี (กจ.1,3-11)

ในหนังสือกิจการอัครสาวกมีเล่าถึงการเสด็จสู่สวรรค์ของพระเยซูเจ้า  สี่สิบวันหลังจากการกลับคืนชีพของพระองค์ บรรดาอัครธรรมทูตได้เห็นพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์และในที่สุดมีเมฆคลุมพระองค์ให้พ้นสายตาของเขาให้ความเข้าใจของชาวฮีบรู เมฆเป็นสัญลักษณ์ของพระเจ้า เมฆคลุมที่ไหนแสดงว่าพระเจ้าสถิตอยู่ที่นั้น ฉะนั้นในกรณีที่เมฆคลุมพระเยซูเจ้าให้พ้นสายตาของบรรดาอัครสาวกจึงมีความหมายว่า สี่สิบวันหลังจากที่พระเยซูเจ้าทรงกลับคืนชีพ พระองค์ก็เสด็จกลับไปอยู่กับพระบิดาเจ้า และดำรงชีพกับพระองค์ชั่วกาลนาน พระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์ด้วยพระวรกายรุ่งโรจน์เพื่อรับเกียรติมงคล เพราะพระองค์มีชัยยิ่งใหญ่เหนือบาปและความตาย

ในบท “ข้าพเจ้าเชื่อ” ที่เราภาวนาในระหว่างพิธีมหาบูชามิสซาวันอาทิตย์มีตอนหนึ่งที่ว่า พระเยซูเจ้าประทับเบื้องขวาพระบิดา  ความจริงพระบิดาเจ้าทรงเป็นจิตล้วน   ไม่มีบัลลังก์ที่เป็นวัตถุ ฉะนั้นจึงไม่มีเบื้องซ้ายเบื้องขวาแน่ การที่เรากล่าวว่า  พระเยซูเจ้าประทับเบื้องขวาพระบิดานั้น จึงเป็นการเปรียบเทียบเพื่อให้เราเข้าใจว่า พระเยซูเจ้าในฐานะที่เป็นมนุษย์ได้รับเกียรติสูงสุดจากพระบิดา เพราะตามธรรมเนียมของชาวฮีบรูโบราณ  ถือกันว่าผู้ที่นั่งอยู่เบื้องขวาของผู้เป็นใหญ่  เป็นผู้ที่ได้รับเกียรติมากกว่าทุกคน พระเยซูเจ้าทรงได้รับมอบอำนาจทุกประการจากพระบิดาเจ้า พระองค์ทรงสามารถช่วยมนุษย์ทุกคนให้รอด รวบรวมให้เป็นครอบครัวเดียวกันในพระศาสนจักร และส่งพระจิตมาช่วยเหลือประชากร

เมื่อพระองค์เสด็จสู่สวรรค์พระองค์มิได้ละทิ้งเรา  พระองค์ทรงอยู่กับเรา  แต่อยู่ในลักษณะที่ต่างกับสมัยดำรงชีพที่ประเทศปาเลสไตน์  สมัยนั้นพระองค์มีร่างกายเหมือนเรา ซึ่งถูกจำกัดด้วยเวลาและสถานที่ พระองค์ทรงดำรงชีพแบบดังกล่าวเพียงแค่ 33 ปีเท่านั้นแต่หลังจากที่พระองค์ทรงกลับคืนชีพแล้ว  พระวรกายของพระองค์มีลักษณะพิเศษ เป็นพระวรกายที่รุ่งโรจน์และไม่ถูกจำกัดด้วยเวลาและสถานที่

พระเยซูเจ้าสถิตอยู่กับเราหลายทาง เช่นทางพระศาสนจักร ทางศีลมหาสนิท  และศีลศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ เมื่อคริสตชนร่วมชุมนุมภาวนาหรือเมื่อมีการประกาศพระวาจาของพระเจ้า  พระองค์ก็สถิตอยู่ท่ามกลางเรา  นอกนั้นพระองค์ยังสถิตอยู่กับเราในตัวพระสังฆราชและพระสงฆ์  ในตัวคนยากจน  และในตัวมนุษย์ทุกคน

เกี่ยวกับวัดฯ

  • ประวัติอาสนวิหาร
  • แม่พระอัสสัมชัญ
  • บรรณฐาน
  • สถาปัตยกรรม
  • กระจกสี
  • ภาษาลาตินในวัด

บริการต่างๆ

  • ล้างบาปทารก / Baptisms
  • แต่งงาน / Wedding
  • การขออนุญาตถ่ายภาพ

สารวัดย้อนหลัง

  • บทสนทนาจากเจ้าอาวาส
  • คิดสักนิด...สะกิดใจ...
  • ปลัดแก่ ซอย40
  • ปี 2012

บุคลากร/องค์กรต่างๆในวัด

  • พระสงฆ์
  • สำนักงานวัด
  • สภาภิบาล
  • นักขับร้อง
  • สโมสรเยาวชน

ลิงค์คาทอลิก

  • สภาสังฆราชคาทอลิกประเทศไทย
  • อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
  • หอจดหมายเหตุ อัครสังฆมณฑลฯ
  • สื่อมวลชนคาทอลิกประเทศไทย
Facebook-f Youtube