สวัสดีครับ
สัปดาห์ละครั้ง 22 มิ.ย. 2014
(ต่อจากสัปดาห์ที่แล้ว)
หลังจากที่พระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้างจากท่านยอห์นบัปติสตาแล้วทรงกระทำสิ่งสำคัญประการที่สองในพระชนมชีพ3 ปีสุดท้ายของพระองค์นั่นคือทรงเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร(มธ4:1-11) มีเหตุผลหลายอย่างที่อธิบายถึงการเข้าไปอยู่ในถิ่นทุรกันดารถิ่นทุรกันดารคือสถานที่ที่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่เป็นสถานที่เงียบสงัดผู้ที่อยู่ได้จะต้องเป็นผู้ที่มีความอดทนเพราะเป็นทะเลทรายที่ร้อนจัดในเวลากลางวันและจะอากาศเย็นมากในเวลากลางคืนอาหารการกินเรียกได้ว่าแทบจะหาอาหารรับประทานไม่ได้เราเคยได้ยินว่าจะกินตั๊กแตนและน้ำผึ้งป่าอะไรทำนองนี้…
เมื่อคิดถึงการเข้าไปในถิ่นทุรกันดารของพระเยซูเจ้าทำให้คิดถึงหนังจีนกำลังภายในที่จอมยุทธทั้งหลายจะขึ้นเก็บตัวอยู่บนภูเขาฝึกวิทยายุทธกำลังภายในวิชาหมัดมวยวิชาดาบสำนักต่างๆ…
ประการแรก สำหรับพระเยซูเจ้าณถิ่นทุรกันดารนี้มีกล่าวไว้ในพระคัมภีร์(มธ4:1-11) ทำให้เราทราบว่าพระองค์ทรงอดอาหารบังคับตนเองไม่ปล่อยตัวตามความหิว(ความอยาก) คือทรง“ทรมานกาย”อีกทั้ง“ทรกรรมใจ”คือบังคับใจตนเองทรงมีจิตใจที่เข้มแข็งทรงเอาชนะธรรมชาติและทรงที่มีสภาพที่อยู่เหนือสัญชาตญาณ
ประการที่สอง ณถิ่นทุรกันดารหรือที่เปลี่ยวนี้เองท่ามกลางความเงียบสงัดพระองค์ทรงภาวนาเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระบิดาแน่นอนว่าพระองค์ทรงสนทนากับพระบิดาทรงปรึกษาหารือปรับทุกข์ปรับร้อนกับพระบิดา(เราเข้าใจตามภาษามนุษย์) พระองค์คงจะฟังคำแนะนำจากพระบิดาและในเวลาเดียวกันพระบิดาก็คงจะทรงให้กำลังใจประทานคำแนะนำให้ทรงรู้ถึงภาระหน้าที่แห่งการไถ่กู้มนุษยชาติทรงทราบล่วงหน้าถึงความทรมานที่จะต้องพบและความตายบนกางเขนด้วย…
ประการที่สาม ในถิ่นทุรกันดารนี้เองจึงทรงถูกทดลองด้วยการประจญของปีศาจดังที่เราทราบกันดีแต่สิ่งที่ควรพิจารณาก็คือการประจญต่างๆที่พระองค์ทรงได้รับนั้นมันเป็นเรื่องความอ่อนแอของมนุษย์ทั้งสิ้นและถือเป็นจุดอ่อนที่มนุษย์เราทำผิดกันอยู่เป็นประจำนั่นคือ….
(ต่อสัปดาห์หน้า… สวัสดีครับ)