“พระเยซู…ความรักของพระองค์ ปรับดวงตาเปลี่ยนดวงใจเรา”
ทูตสวรรค์และเปโตรจึงออกไป เดินตามถนนสายหนึ่ง แล้วทูตสวรรค์ก็หายไปในทันที เปโตรรู้สึกตัว พูดว่า “บัดนี้ ข้าพเจ้ารู้แน่แล้วว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์มาช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากเงื้อมมือของกษัตริย์เฮโรดและจากความมุ่งร้ายทั้งหลายของประชาชนชาวยิว” (กจ 12:10-11)
หลายครั้งมุมมองของเราต่อหลายเรื่องราวที่พบเจอ ก็มีคำตอบอยู่แล้วในใจ เราเรียกคำตอบที่มีอยู่แล้วว่า “อคติ” เมื่อมีแล้วก็ขึ้นอยู่ว่าเรารู้สึกบวก ชอบเรื่องราวที่อยู่ข้างหน้า หรือว่าเรารู้สึกลบไม่สนใจ ไม่ชอบ จนถึงขั้นรุนแรงสุด นั่นคือเกลียด
ครั้งหนึ่ง ระหว่างนั่งชมชุดรำแสดงของหนูน้อยอนุบาลกลุ่มหนึ่ง รู้สึกไม่ชอบเอาเสียเลย มันขัดหูตาไปหมด “ทำไมไม่พร้อม ทำไมไม่ยิ้ม ทำไมไม่…” นู่น นี่ นั่น มากมายที่จะหาเรื่อง ด้วยมีอคติ แต่เมื่อได้สติกลับมา ปรับดวงตาเปลี่ยนดวงใจและมองเจาะให้ลึกซึ้งมากขึ้น จึงพบเห็นความงดงามและคุณค่าที่เด็กๆพยายามสื่อให้ได้พบความน่ารักของพวกเขา
“องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากการประทุษร้ายทั้งสิ้น และจะทรงนำข้าพเจ้าไปสู่พระอาณาจักรสวรรค์ของพระองค์อย่างปลอดภัย ขอพระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระองค์ตลอดนิรันดรเทอญ อาเมน”(2ทธ 4:18)
แต่ก่อนไม่รู้ทิศทาง แต่เมื่อมาพบพระเยซูเจ้า เปโตรก็เปลี่ยนมุมมองต่อพระเจ้า กลายมาเป็นวางใจมั่นใจในพระองค์ และนี่ก็เป็นเหตุการณ์ครั้งใหญ่ในชีวิตของท่านเวลามอง มองทุกเรื่องราวและมั่นคงต่อความรักของพระ
แต่ก่อนเปาโลมองพระเจ้าแบบโลกแคบ ความรักที่พระองค์จะมีให้ก็ให้เพียงแต่ชนชาติยิวอิสราเอล ประชากรที่ทรงเลือกสรร แต่เมื่อพบกับความรักของพระคริสตเจ้า ท่านก็ปรับมุมมองใหม่เป็นใจกว้าง และเมตตา
พระเยซูตรัสถามเขาว่า “แล้วท่านล่ะคิดว่าเราเป็นใคร” ซีโมน เปโตรทูลตอบว่า “พระองค์คือ พระคริสตเจ้า พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต”(มธ 16:15-16)
พระเยซูเจ้าเป็น กุญแจดอกสำคัญจริงๆ ช่วยปรับดวงตา เปลี่ยนดวงใจของเราให้มั่นคงในความเชื่อความรักต่อพระเจ้า พระบิดา และเป็นต้นตอของพลังชีวิตให้เราสามารถมองเพื่อนพี่น้อง แล้วสามารถก้าวข้ามความอ่อนแอ และมองเห็นความน่ารัก ความงดงาม เห็นพระพรในความอ่อนแอที่แต่ละคนนั้นมี.