สมโภชแม่พระรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์
จากหนังสือพระนางมารีอา
ในปี 950 พระสันตะปาปาปีโอที่ 12 ได้ทรงประกาศว่า “พระนางพรหมจารีมารีอา ได้ทรงรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ” เป็นข้อความเชื่อ แนวความคิดประการหนึ่งที่โดดเด่น และกล้าแข็งของสมเด็จพระสันตะปาปาปีโอที่ 12 ที่ทรงประกาศเป็นข้อความเชื่อคือ “หลักแห่งการร่วมโชคชะตา” ที่เสนอว่า พระนางมารีอาได้มีส่วนร่วมในชีวิตและภารกิจการงานตลอดจนโชคชะตาของพระบุตรแห่งพระนางอย่างแน่วแน่และมั่นคงตั้งแต่เริ่มต้นจวบจนกระทั่งวาระสุดท้าย นอกจากนี้ องค์สมเด็จพระสันตะปาปา ยังคงแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างการได้รับการยกขึ้นสู่สวรรค์ กับการปฏิสนธิอันนิรมลของพระนางมารีอาอีกด้วย สิทธิพิเศษทั้งสองประการของพระนางนี้ มีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด เมื่อพระเยซูคริสต์ทรงได้รับชัยชนะเหนือบาปและความตาย โดยอาศัยการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ที่ไม้กางเขน จึงทำให้คริสตชนได้รับชีวิตใหม่ โดยวิธีเหนือธรรมชาติในศีลล้างบาป กล่าวคือคริสตชนได้รับชัยชนะเหนือบาปและความตายเช่นเดียวกัน แต่โดยอาศัยความเชื่อในพระเยซูคริสต์ อย่างไรก็ตามสำหรับคริสตชนผู้ชอบธรรม พระเป็นเจ้าไม่ทรงประสงค์ที่จะประทานผลแห่งชัยชนะอย่างเด็ดขาดเหนือความตายให้ จนกว่าวาระสุดท้ายจะมาถึง
วันฉลองแม่พระรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณนี้ เป็นไปได้ที่อาจจะเป็นการระลึกถึงการเสกวิหารถวายแด่พระนางที่กรุงเยรูซาเล็ม
พระศาสนจักร ในวันฉลองรหัสธรรมปัสกาที่ได้สำเร็จบริบูรณ์ไปในพระนางมารีอา เนื่องจากว่า พระนางมารีอาทรงเป็นผู้ที่เปี่ยมด้วยพระหรรษทาน ไม่มีแม้แต่เงาของบาป พระบิดาจึงทรงมีพระประสงค์ให้พระนางได้มีส่วนในการกลับคืนชีพของพระคริสตเจ้าเลยทันที ความตายเป็นโทษของบาป ดังนั้นแม่พระผู้ศักดิ์สิทธิ์และพ้นจากบาปความผิดทั้งปวงควรได้รับการยกเว้น พระนางจึงไม่ตายเหมือนลูกหลานของอาดัมที่ได้รับผลเนื่องจากพิษของบาป แต่พระเป็นเจ้าทรงประสงค์ให้แม่พระมีส่วนคล้ายกับพระเยซูเจ้าในทุกสิ่ง พระเยซูเจ้าทรงสิ้นพระชนม์ แม่พระก็ควรตายด้วย ยิ่งกว่านั้นพระเป็นเจ้าทรงประสงค์ให้ความรอดตายของแม่พระเป็นตัวอย่างสอนเราคือ แม่พระลาโลกนี้ดีอย่างมีความสุข
ชีวิตของแม่พระจบลงด้วยดี ตามคำเล่าของนักบุญเยโรมบอกว่า มีเสียงดนตรีไพเราะเบาๆ ในห้องที่แม่พระบรรทมอยู่ แต่นักบุญบริยิตได้รับการเปิดเผยให้ทราบว่า ในห้องของแม่พระมีแสงสว่างเจิดจ้า ดนตรีอันแสนหวานดังเบาๆ ในขณะที่ดวงวิญญาณของเธอกำลังจากไป บรรดาสานุศิษย์ต่างยกมือขึ้นขับร้องเป็นเสียงเดียวกัน “โอ้พระแม่สุดที่รัก พระแม่กำลังจากพวกเราไปสวรรค์ โปรดอวยพรพวกเราเป็นครั้งสุดท้าย และสัญญาจะไม่ลืมพวกเราเถิด” แม่พระมองไปรอบๆ ห้องแล้วพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า” ลูกที่รักทั้งหลาย แม่ขอลาก่อน แม่จะอวยพรให้ แล้วอย่ากลัวเลย แม่จะไม่ลืมพวกลูกๆ เลย”
ที่สุดความตายก็มาถึง ในห้องมีแสงสว่างเจิดจ้า แม่พระเสด็จสู่สวรรค์แล้ว เธอเป็นราชินีแห่งสวรรค์ตลอดนิรันดร
โอกาสวันสมโภชพระชนนีพระเป็นเจ้าได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์บรรดาปิตาจารย์และนักปราชญ์ ต่างก็ยกพระธรรมคำสอนซึ่งเป็นที่รู้จักและยอมรับในโลกคริสตชน ขึ้นมาเป็นสาระสำคัญในบทเทศน์ ท่านเหล่านี้มีหน้าที่ขยายความ เพื่อเน้นให้ความหมายที่สำคัญเด่นขึ้นมา ที่กล่าวพระกายของพระนางไม่เน่าเปื่อยนั้น มิได้ทำเพื่อให้พิธีกรรมนี้หมดไป สิ่งที่เราฉลองคือความมีชัยเหนือความตาย เมื่อพระนางได้รับการยกย่องว่าประเสริฐตามแบบอย่างของพระเยซูคริสตเจ้า พระบุตรพระองค์เดียวของพระนางในสวรรค์
(ต่อฉบับหน้า)