จิตวิญญาณแห่งไม้กางเขน
วันนี้เป็นวันฉลองเทิดทูนไม้กางเขน ทุกสายตาต่างก็จับจ้องไปที่ไม้กางเขน ในฐานะที่เป็นเครื่องหมายแห่งความรอดและเวลาที่เราพูดถึงความตายบนไม้กางเขน เราต่างก็คิดไปถึงภาพของพระเยซูคริสตเจ้าที่ถูกตรึงอยู่บนไม้สองท่อนนั้น ที่ถูกปักอยู่บนภูเขาแห่งนั้น นอกกรุงเยรูซาเล็ม นอกจากนั้นคริสตชนที่มีความศรัทธาต่อไม้กางเขนมากๆ ต่างก็จะเสาะแสวงหาพระธาตุไม้กางเขน โดยมุ่งไปที่พระธาตุที่นำมาจากไม้กางเขนจริงๆ ที่พระเยซูเจ้าถูกตรึง และถ้ามั่นใจแล้วว่าพระธาตุไม้กางเขนที่ตนมีอยู่นั้นเป็นของแท้ๆ ต่างก็จะเก็บรักษาไว้อย่างหวงแหน เฝ้าจูบแล้วจูบอีก ดังนี้เป็นต้น
ในหนังสือกันดารวิถี งูโลหะถูกทำขึ้นและนำไป ติดไว้บนเสา เพื่อช่วยชีวิตของผู้ที่ถูกงูกัด
ในพระวรสารพระเยซูเจ้า ตรัสถึงบุตรแห่งมนุษย์ที่ถูกยกขึ้นเพื่อช่วยให้ผู้ที่มีความเชื่อในพระองค์จะได้มีชีวิตนิรันดร
เสาไม้ในหนังสือกันดารวิถี เป็นสัญลักษณ์ของไม้กางเขนในอนาคต ส่วนงู คือตัวแทนของปีศาจ และบาป ความหมายน่าจะเป็น ปีศาจ และบาป จะถูกทำลายได้ก็โดยการถูกตอกตรึงกับไม้กางเขน
ส่วนในพระวรสาร บุตรแห่งมนุษย์คือ ตัวของพระเยซูเจ้าเอง พระองค์ผู้ทรงรับแบกบาปของมวลมนุษยชาติทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ไว้ในตัวของพระองค์ และพระองค์ก็ทรงถูกตรึงบนไม้กางเขน ก็มีความหมายเดียวกันกับในหนังสือกันดารวิถีว่าบาปนั้นจะถูกทำลาย และปีศาจจะถูกกำจัดได้ก็โดยอาศัยไม้กางเขนเช่นเดียวกัน
ถ้าเราจะพิจารณากันอย่างถ่องแท้และอย่างลึกซึ้ง ลำพังไม้สองท่อนที่นำมาตอกขวางติดกัน จะมีอำนาจอะไรกันนักกันหนาที่จะทำลายบาปและปีศาจได้ แต่ถ้าเราจะมองลงไปให้ลึกซึ้ง ให้ทะลุภาพภายนอก ของไม้ขวางนั้นเราจะเห็นสัจธรรม และความจริงที่ซ่อนอยู่ในไม้ขวางนั้น พูดสั้นๆก็คือ ไม้กางเขนมีจิตวิญญาณ และเวลาที่เราพินิจพิเคราะห์ไม้กางเขน เราจะต้องพินิจพิเคราะห์ให้ทะลุภาพปรากฏภายนอกของไม้ขวางสองท่อน ลงไปให้ถึงจิตวิญญาณแห่งไม้กางเขนนั้น
“จิตวิญญาณแห่งไม้กางเขน”ปรากฏอยู่ในจดหมายของนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวฟิลิปปี บทที่ 2 ข้อ 6 ถึง ข้อ 8.ในบทอ่านที่ 2 ของวันนี้
ข้อ 6 แม้ว่าพระเยซูเจ้าทรงมีธรรมชาติพระเจ้า พระองค์ก็มิได้ทรงถือว่าศักดิ์ศรีเสมอพระเจ้านั้น เป็นสมบัติที่จะต้องหวงแหน = ยอมปล่อยสถานะภาพความเป็นพระเจ้า
ข้อ 7 แต่ทรงสละพระองค์จนหมดสิ้น เพื่อทรงรับสภาพดุจทาส เป็นมนุษย์ดุจเรา = ยอมมาเป็นมนุษย์
ข้อ 8 เมื่อปรากฏพระองค์ในธรรมชาติมนุษย์แล้ว ก็ยังทรงถ่อมพระองค์กว่านั้นอีกจนถึงกับทรงยอมรับแม้ความตาย เป็นความตายบนไม้กางเขน = ยอมตาย
จิตวิญญาณแห่งไม้กางเขนคือการยอม สำหรับพระเยซูเจ้าพระองค์ทรงยอมต่อพระบิดา ในทุกสิ่งที่พระบิดามีพระประสงค์
การยอมต่อพระเป็นเจ้า คือจิตวิญญาณแห่งไม้กางเขน
การยอมนี้คือ ความนบนอบเชื่อฟัง
วิถีแห่งไม้กางเขนคือวิถีแห่งความนบนอบเชื่อฟัง
ดังนั้นพระเยซูเจ้าจึงตรัสไว้ในพระวรสารวันนี้ว่า “เพื่อทุกคนที่มีความเชื่อ(ฟัง)ในพระองค์ จะมีชีวิตนิรันดร”
มนุษย์ถูกเรียกร้องให้เชื่อฟังพระเยซูเจ้า เพื่อจะได้ไปสวรรค์พูดสั้นๆก็คือ ถ้าอยากไปสวรรค์ ต้องเจริญชีวิตไม้กางเขน หรือ ถ้าอยากไปสวรรค์ต้องเจริญชีวิต แห่งความนบนอบเชื่อฟังพระเยซู
การที่คนๆหนึ่งจะยอมเชื่อฟังใครผู้นั้นจะต้องยอมตัดความรู้สึกนึกคิดหรือน้ำใจของตัวเอง การยอมตัดนี้แหละคือการเจริญชีวิตในวิถีแห่งไม้กางเขน ที่พระเยซูเจ้าทรงสอนแล้วสอนอีกให้เรายอมปฏิบัติตาม
เราจะต้องรู้จักตัด น้ำใจของตัวเราเองด้วยน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า
“ถ้าผู้ใดอยากตามเรา ก็จงเลิกคิดถึงตนเอง จงแบกไม้กางเขนของตนและติดตามเรา..”.(มธ 16:24)