ภาวนากับพระบิดา และก้าวออกมาจากตัวเอง…เพื่อผู้อื่น
“พระองค์เสด็จเข้าไปจับมือนาง พยุงให้ลุกขึ้น นางก็หายไข้ และรับใช้ทุกคน…วันต่อมา พระองค์ทรงลุกขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ เสด็จออกจากบ้านไปยังที่สงัดและทรงอธิฐานภาวนาที่นั่น” (มก 1:29-39)
ได้ฟังพระวรสารวันนี้ เป็นต้นตอนที่คัดมานี้ พระเยซูเจ้าทรงรักษาความป่วยไข้ของแม่ยายของเปโตร เมื่อจบการช่วยแล้วพระองค์ก็ใช้ช่วงเวลาแต่เช้าตรู่เพื่อไปภาวนากับพระบิดา ไปมอบชีวิตให้กับพระบิดาเป็นอันดับแรก
ทำให้คิดเชื่อมโยงกับคำคติพจน์ของบ้านเณรเล็กยอแซฟ “Ora et Labora” (โอรา แอท ลาโบรา) หรือ แปลเป็นคำไทยของเราว่า “ภาวนา และทำงาน” พระองค์ทรงทำอยู่สองอย่าง อย่างนี้เสมอหากเราทบทวนดูดีๆ นั่นคือให้เวลาให้ชีของพระองค์เองให้กับพระบิดาพระเจ้า พร้อมๆกับมอบชีวิตและเวลาให้กับการดูแลรักษามอบความรักให้กับผู้คนมากมาย
“หากข้าพเจ้าไม่ประกาศข่าวดี ข้าพเจ้าย่อมได้รับความวิบัติ…ข้าพเจ้าเป็นทุกอย่างสำหรับทุกคน เพื่อข้าพเจ้าจะได้ใช้ทุกวิถีทางช่วยบางคนให้รอดพ้น ข้าพเจ้าทำทุกอย่างเพราะเห็นแก่ข่าวดี” (1คร 9:16-19,22-23)
เราก็ทำเช่นเดียวกับพระเยซูเจ้าพระอาจารย์ของเราได้ เริ่มต้นด้วยชีวิตภาวนามอบเวลาของเราให้กับพระบิดา เพื่อพูดคุยกับพระองค์ อ่านพระคัมภีร์แล้วฟังเสียงของพระองค์ว่าพระองค์ปรารถนาจะตรัสอย่างไรกับเราบ้าง
และก็มาถึงส่วนที่สอง นั่นคือก้าวเดินออกไป ไม่ใช่แต่เพียงออกไปนอกบ้าน แต่ก้าวเดินออกจากตัวเอง ออกจากความสะดวกสบายความรักความชอบของตัวตนของเรา เพื่อให้เรามีทั้งเวลา และสิ่งต่างๆเหลือเพื่อมอบความรักมอบการดูแลให้กันและกันกับพี่น้องของเราที่นอนเจ็บป่วยอยู่รอบกายเรา เจ็บป่วยที่ถูกทอดทิ้งให้อ้างว้าง เจ็บป่วยด้วยถูกทำร้าย ถูกเอารัดเปรียบ ถูกทำร้ายทั้งกายหรือใจ หรือแม้กระทั่งถูกทำร้ายจากการกระทำของตัวเราเองด้วย
ก่อนก้าวออกจากบ้าน ออกจากตัวเองอย่าลืมภาวนาฟังพระวาจาของพระ และตั้งใจมอบความรักให้พี่น้องรอบข้างครับ.