11 ทำไมไม่ 12
“เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงปรากฏองค์แก่พวกสาวกทั้งสิบเอ็ด แล้วตรัสกับเขาว่า ‘ท่านทั้งหลายจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวดีให้มนุษย์ทั้งปวง’…… ”
ขณะตรัสสั่งคำสั่งนี้ พระเยซูเจ้าคงจะรู้สึกเศร้าในใจว่า “เราหมายมั่นปั้นมือให้ ผู้ร่วมงานทั้ง 12 คนไปทำหน้าที่ประกาศข่าวดีแทนเรา เมื่อเรากลับสู่สวรรค์แล้ว แต่แล้วก็เหลือแค่ 11 คน”
“เราตั้งใจเลือก 12 คน ให้เป็นตัวแทน 12 เผ่าของอิสราเอล ประชากรแห่งพันธสัญญา เพื่อทำงานประกาศข่าวดี แต่แล้วก็เหลือแค่ 11”
ความสูญเสียแม้เพียง 1 มาจากไหน? ยูดาสผู้ทรยศ แม้ว่าชะตากรรมจะถูกกำหนดไว้อย่างนั้นตามคำของพระคัมภีร์ แต่ชะตากรรมแห่งการเป็นผู้ทรยศและต้องแยกตัวออกไปจากกลุ่มจนเหลือแค่ 11 จะแก้ไขไม่ได้เทียวหรือ?
น่าจะได้ ถ้ามีความพยายาม หรือแม้แต่แค่มีเครื่องหมายแห่งความพยายามปรากฏให้เห็นก็เป็นที่น่าพอใจ สำหรับพระเยซูเจ้าเราคงไม่ต้องพูด เพราะพระองค์เสด็จมาเพื่อช่วยเหลือคนบาป เป็นที่แน่นอนว่า ยูดาสแม้มีนิสัยไม่ดีแต่พระองค์ก็ยังคงจงใจเลือก ยูดาส ให้มาเป็น 1 ในอัครสาวก 12 คน พระองค์หวังในความเปลี่ยนแปลงชีวิตของยูดาส และแน่นอนว่าพระองค์คงต้องใช้ความพยายามตลอด 3 ปีที่อยู่ด้วยกัน ในการตักเตือน- เตือนสติ ให้ข้อคิดแก่ยูดาส แต่ดูเหมือนยูดาสจะดื้อด้าน และใจแข็งกระด้างเอาการ
พระเยซูเจ้าใช้ความพยายามของพระองค์ที่จะช่วยยูดาสตลอด 3 ปี และความพยายามของพระองค์ดูเหมือนจะเด่นชัดมากๆ ในโต๊ะอาหารค่ำมื้อสุดท้าย ในเวลาที่พระองค์พูดถึงผู้ทรยศต่อพระองค์ ถึงกับทรงใช้คำรุนแรงกับผู้ทรยศ “…..วิบัติจงเกิดแก่คนที่ทรยศต่อบุตรแห่งมนุษย์ ถ้าเขาไม่เกิดมาก็จะดีกว่า” ประโยคสุดท้ายพระองค์ก็คือ เสียชาติเกิด
ปรากฏว่ายูดาสไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย
แต่สิ่งที่พระเยซูเจ้าอยากเห็นมากที่สุดในหมู่อัครสาวกก็คือ ความพยายามของเพื่อนที่จะช่วยเพื่อน
เป็นที่น่าแปลกใจ ขณะที่กินอาหารค่ำมื้อสุดท้ายขณะที่ทุกคนกำลังเอร็ดอร่อยกับอาหารและเครื่องดื่ม พระเยซูเจ้ากับพูดโพล่ง ออกมากลางโต๊ะอาหารว่าจะมีคนหนึ่งในโต๊ะนี้จะทรยศต่อพระองค์
“ครั้นถึงเวลาค่ำ พระองค์ประทับร่วมโต๊ะกับศิษย์ทั้งสิบสองคน ขณะที่ทุกคนกำลังกินอาหารพร้อมกับพระเยซูเจ้าอยู่นั้น พระองค์ตรัสว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่าคนหนึ่งในที่นี้จะทรยศต่อเรา’” (มัทธิว 26:20-21) ทุกคนหันไปถามพระเยซูเจ้าว่าใช่ตัวเองหรือเปล่า รวมทั้งยูดาส “ยูดาสผู้ทรยศต่อพระองค์” ทูลถามว่า “เป็นข้าพเจ้าหรือ พระอาจารย์” พระองค์ตรัสตอบว่า “ใช่แล้ว” (มัทธิว 26:25)
แต่แม้เมื่อพระเยซูเจ้าพูดว่า “ใช่แล้ว” ยูดาสก็ยังคงเฉย และดื้อด้านต่อไป
ไม่เพียงแค่พูด บอก พระเยซูเจ้ายังได้ให้เครื่องหมายเพื่อบอกเป็นนัยยะอีกด้วย
“คนที่จิ้มอาหารในชามเดียวกันกับเรานี่แหละ จะทรยศต่อเรา” (มัทธิว 26:23)
ทุกคนในโต๊ะต้องเห็น แต่ไม่มีใครทำอะไร ทุกคนยังคงสนุกสนานกับการกินต่อไป จนสุดท้าย ยูดาสลุกออกจากโต๊ะไป ณ จุดนี้เองที่ 12 เหลือแค่ 11 แต่ก็ไม่มีใครสักคนหนึ่ง ลุกจากโต๊ะอาหารเพื่อติดตามยูดาสออกไป เพื่อเตือนสติเพื่อน แม้ว่าจะเตือนแล้วยูดาสไม่ยอมกลับใจ หรือเปลี่ยนใจแต่อย่างน้อยก็ยังเป็นเครื่องหมายของความรักและความห่วงใยที่เพื่อนมีต่อเพื่อน และพระเยซูเจ้าคงจะพอพระทัยในเรื่องนี้ น่าเสียดายที่โต๊ะอาหารแห่งความรักแต่กลับ ไม่มีความรักและความห่วงใย แม้แต่น้อย
“ท่านทั้งหลายจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวดี ให้มวลมนุษย์” คำสั่งนี้น่าจะเริ่มต้นก่อนในหมู่พวกเรากันเอง รักและช่วยเหลือกันและกันในหมู่ของพวกเราก่อนที่จะออกไปทั่วโลก เพื่อไปช่วยคนอื่น