“ธรรมชาติของผู้ประกาศข่าวดีของพระเจ้า”
“ท่านจะต้องพูดกับเขาว่า “พระเจ้าตรัสดังนี้” เขาจะฟังหรือไม่ฟังก็ตาม คนกบฏเหล่านั้นอย่างน้อยก็จะรู้ว่ามีประกาศกอยู่ในหมู่เขา” (อสค 2:4-5)
มีบ้างไหม เคยไหมที่เราจะรู้สึกสับสนว่าตกลงเรื่องนี้ ณ เวลานี้ กับคนที่อยู่ข้างหน้านี้เราควรพูดหรือไม่ควรพูดแนะนำตักเตือน ทั้งที่เรารักปรารถนาดี เรื่องที่เราปรารถนาจะพูดก็เป็นเรื่องดี แต่… เรามีข้อกริ่งเกรงหลากหลายเหตุผลนัก
เมื่อพระสันตะปาปาฟรานซิส บิดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่รักของเราได้ทรงออกสมณสาสน์ “Loudato si” (“บทเพลงสรรเสริญพระเจ้า”) เป็นสมณสาสน์ว่าด้วยเรื่อง “รัก และรักษ์สิ่งแวดล้อม” “สิ่งแวดล้อมเป็นของที่พระเจ้าทรงมอบให้เราเป็นผู้ดูแล ดังนั้นทุกคนต้องร่วมกันฟื้นฟูการดูแลเรื่องการทำลายธรรมชาติ” มีผู้ไม่เข้าใจและต่อต้านให้พระองค์กลับไปสอนแต่เรื่องความเชื่อ โดยอ้างว่าพระองค์ไม่น่าจะรู้เข้าใจเรื่องวิทยาศาสตร์ดีนัก
“เพราะความรักต่อพระคริสตเจ้า ข้าพเจ้าจึงพอใจความอ่อนแอต่างๆ เมื่อถูกสบประมาท เมื่อมีความคับแค้น เมื่อถูกข่มเหงและอับจน เพราะข้าพเจ้าอ่อนแอเมื่อใด ข้าพเจ้าก็ย่อมเข้มแข็งเมื่อนั้น” (2คร 12:10)
พระองค์หรือทางสันตะสำนัก…วาติกัน ไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นหรือโต้เถียงกับแนวความคิดที่โต้แย้งนี้ แต่กลับเป็นนักข่าวที่เข้าไปสัมภาษณ์ผู้ให้คำโต้แย้ง นักข่าวถามว่า “ท่านรู้ไหมว่าพระสันตะปาปา พระองค์เรียนจบมาเรื่องอะไร”
นักข่าวจึงเฉลยว่า “พระองค์เรียนจบมาโดยตรง เรื่องวิทยาศาสตร์ สาขา เคมี” จึงยืนยันได้ว่าพระองค์เข้าใจธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ และมีความชอบธรรมอย่างเต็มที่ที่จะพูดถึง หรือออกพระสมณสาสน์ “บทเพลงสรรเสริญพระเจ้า” ที่พูดโดยตรงกับเรื่องรักษ์สิ่งแวดล้อม รักษ์ธรรมชาติ
พระเยซูเจ้าตรัสแก่เขาว่า “ประกาศกย่อมไม่ถูกเหยียดหยามนอกจากในถิ่นกำเนิด ท่ามกลางวงศ์ญาติ และในบ้านของตน” พระองค์ทรงทำอัศจรรย์ที่นั่นไม่ได้ นอกจากทรงปกพระหัตถ์รักษาผู้เจ็บป่วยบางคนให้หายจากโรคภัย พระองค์ทรงแปลกพระทัยที่เขาเหล่านั้นไม่มีความเชื่อ (มก 6:4-6)
สำคัญที่สุดสำหรับเราที่เป็นลูกของพระ เรายืนอยู่ข้างพระเป็นเจ้า เรามีความรักของพระองค์ เรามีพระวาจา-พระคัมภีร์เป็นพื้นฐานของความรักที่เรามีต่อกันและกัน และเรามอบความรักของพระต่อกันด้วยการประกาศความรักของพระเจ้า ด้วยการส่งเสริมให้เกิดความสัมพันธ์รักต่อกัน หากมีเรื่องใดที่ทำร้าย ทำลายความรักของพระในสิ่งแวดล้อม ในชีวิตพี่น้องเรา พระองค์ตรัสผ่านประกาศกเอเสเคียลว่า เราจะต้องพูดกับเขาว่า “พระเจ้าตรัสดังนี้” เขาจะฟังหรือไม่ฟังก็ตาม คนกบฏเหล่านั้นอย่างน้อยก็จะรู้ว่ามีประกาศกอยู่ในหมู่เขา และเราเป็นประกาศกคนหนึ่งของพระที่อยู่กับพี่น้องของเรา.