พันธกิจเรียกร้องชีวิตที่เหมือนหรือคล้ายพระเยซูเจ้า
บทอ่านจากอาโมส ได้กล่าวถึง การถูกส่งไปทำงานของพระ ของประกาศกอาโมส หลังจากได้รับเรียก ท่านต้องทิ้งอาชีพดั้งเดิม ที่ท่านทำอยู่ คือ ทิ้งฝูงสัตว์ที่ท่านต้องดูแล ทิ้งอาชีพตัดแต่งต้นมะเดื่อเทศ ฯลฯ
ในพระวรสารพระเยซูเจ้าทรงเรียกอัครสาวกเพื่อมาทำงานของพระองค์ อัครสาวกที่ถูกเรียกเพื่อจะติดตามพระเยซูเจ้า พวกเขาก็ต้องละทิ้ง อาชีพดั้งเดิมของตัวเอง เพื่อทำงานของพระ และในระหว่างการฝึกอบรมชีวิตกับพระเยซูเจ้าเป็นเวลา 3 ปี พระองค์ก็ทรงสั่งสอนพวกเขาว่า เวลาทำงานไม่ต้องมีอะไรมากมาย ให้มากเรื่อง ดังเช่นปรากฏในพระวรสารวันนี้
“…ทรงกำชับเขามิให้นำสิ่งใดไปด้วย นอกจากไม้เท้าเท่านั้น ไม่ให้มีอาหาร ไม่ให้มีย่าม ไม่ให้มีเศษเงินใส่ไถ้ ให้สวมรองเท้าได้ แต่ไม่ให้เอาเสื้อสำรองไปด้วย…”
คำสั่งชัดเจนมากๆก็คือ ไปตัวเปล่า ทำงานของพระเรียกร้องการทำงานแบบตัวเปล่า
พระเยซูเจ้ามิได้แค่สอน แต่ได้ทรงทำให้ดูเป็นตัวอย่าง และตัวอย่างชีวิตของพระเยซูเจ้าก็เริ่มต้นตั้งแต่วินาทีแรกของการมีชีวิตอยู่ในโลกของพระองค์ไปจนกระทั่งวันตาย
เชิญพวกเรามาดูว่าพระเยซูเจ้าเริ่มต้นชีวิตของพระองค์ในโลกอย่างไร นักบุญเปาโลบันทึกเรื่องนี้ไว้ในจดหมายของท่านถึงคริสตชนชาวฟิลิปปีบทที่ 2 ข้อ 6 ถึง 8 ข้อความดังกล่าวถือเป็นหัวใจสำคัญของคนที่จะทำงานของพระเยซูเจ้า เป็นต้นในชีวิตที่ถูกเรียก และถูกเลือกของพระสงฆ์
“แม้ว่าพระองค์ทรงมีธรรมชาติพระเจ้า พระองค์มิได้ทรงถือว่าศักดิ์ศรีเสมอพระเจ้านั้น เป็นสมบัติที่จะต้องหวงแหน แต่ทรงสละพระองค์จนหมดสิ้น ทรงรับสภาพดุจทาส เป็นมนุษย์ดุจเรา ทรงแสดงพระองค์ในธรรมชาติมนุษย์ ทรงถ่อมพระองค์จนถึงกับทรงยอมรับแม้ความตาย เป็นความตายบนไม้กางเขน”
นั่นคือ สิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงทำให้เราดูเป็นตัวอย่าง
o ทรง(ยอม)สละเกียรติและศักดิ์ศรีของความเป็นพระเจ้า
o ทรง(ยอม)มาบังเกิดเป็นมนุษย์ที่มีสภาพต่ำสุด โดยการเจริญชีวิตแบบทาส (คือไม่มีตัวตน ไม่มีอะไรที่ตัวเองจะเป็นเจ้าของได้ รวมทั้งยอมอยู่ใต้ผู้อื่นในการที่จะรับใช้และช่วยเหลือทุกๆคน)
o สุดท้ายทรง(ยอม)สละแม้กระทั่งชีวิตของตัวเอง
นี่คือ โมเดล (Model)ของชีวิตของคนที่จะต้องทำงานให้พระ ความห่วงใยในชีวิตของผู้ที่จะทำงานให้พระองค์ ปรากฏอยู่ในคำภาวนาของพระเยซูเจ้าที่โต๊ะอาหารค่ำมื้อสุดท้าย ในยอห์น บทที่ 17 ข้อ 14-17 ดังนี้
“ข้าพเจ้ามอบพระวาจาของพระองค์ให้เขาเหล่านั้นแล้ว และโลกเกลียดชังเขา เพราะเขาไม่เป็นของโลกเช่นเดียวกับที่ข้าพเจ้าไม่เป็นของโลก ข้าพเจ้าไม่ได้วอนขอพระองค์ให้ทรงยกเขาออกจากโลก แต่วอนขอให้ทรงรักษาเขาให้พ้นจากมารร้าย เขาไม่เป็นของโลก เช่นเดียวกับที่ข้าพเจ้าไม่เป็นของโลก โปรดบันดาลให้เขาศักดิ์สิทธิ์ โดยอาศัยความจริง พระวาจาของพระองค์คือ ความจริง”
ก็ชัดเจนอีกเช่นเดียวกัน “ผู้ทำงานยังคงอยู่ในโลก แต่ผู้ทำงานจะต้องไม่เป็นของโลก”
พระเยซูเจ้าภาวนาขอให้ผู้ทำงานขอพระองค์รอดพ้นจากการตกเป็นเหยื่อของมารร้าย มารร้ายซึ่งเคยปฏิบัติการล่อลวงพระองค์มาครั้งหนึ่งแล้วในถิ่นทุรกันดาร เชิญพวกเราอ่านลูกา บทที่ 4 ข้อ 1ถึง 13 มันประจญพระเยซูเจ้าโดยการนำเสนอสิ่งล่อ 3 อย่าง คือ
1. วัตถุนิยม (ดูข้อ 3)
2. อำนาจนิยม (ดูข้อ 6)
3. ชื่อเสียงนิยม (ดูข้อ 9-11)
แต่ที่ร้ายกว่านั้น ในลูกาบทเดียวกัน ท้ายของข้อ 6 ปีศาจมันบอกพระเยซูเจ้าว่า “สิ่งเหล่านี้เป็นของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะให้ผู้ใดก็ได้ตามความปรารถนา” แม้จะอยู่ในข้อ 6 ในเรื่องของ “อำนาจนิยม” แต่เราตีความได้เลยว่า ทั้งวัตถุ ทั้งอำนาจ ทั้งชื่อเสียง เป็นสมบัติของมาร และถ้าใครไปติดอกติดใจกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งใน 3 สิ่งนี้ หรือร้ายกว่านั้น ติดใจ ทั้ง 3 อย่างก็เท่ากับเขาผู้นั้น ตกเป็นเหยื่อ หรือ ตกเป็นทาสของมารไปโดยปริยาย ไม่เว้นว่าผู้นั้นจะเป็นฆราวาสธรรมดา หรือ พระสงฆ์ นักบวช หรือแม้แต่พระสังฆราช
คนทำงานของพระจะต้องไม่ติดกับเหยื่อล่อทั้ง 3 ตัวนี้ จะมาอ้างว่า มันช่วยให้งานเดิน ก็เท่ากับเราขาดความไว้วางใจในการบริหารจัดการของพระเป็นเจ้า หรือ เราดูถูกดูหมิ่นการจัดการของพระองค์ รวมทั้งเป็นการขาดความไว้วางใจในพระองค์
การบริหารจัดการของพระ เป็นการบริหารจัดการบนความว่างเปล่า พระเยซูเจ้าทรงเริ่มงานของพระองค์ในโลกบนความว่างเปล่า เชิญหันไปดูจดหมายถึงชาวฟิลิปปีอีกครั้งหนึ่ง แต่ในภาคภาษาอังกฤษ ดูว่าพระเยซูเจ้าทรงเริ่มต้นชีวิตการทำงานของพระองค์อย่างไร ฟิลิปปีบทที่ 2 ข้อ 6-7 เขียนไว้ดังนี้
Though being divine in nature, he did not claim in fact equality with God, but emptied himself, taking on the nature of a servant, made in human likeness, and in his appearance found as a man.
คำสำคัญของ ข้อ 6-7 มีเพียงคำเดียว คือ คำว่า “but emptied himself” แปลว่า พระเยซูเจ้าทรงทำตัวของพระองค์ให้ว่างเปล่า คำว่า ว่างเปล่าในภาษาอังกฤษคือ Emptiness อันเป็นคำที่บ่งชี้ถึงชีวิต และบ่งบอกว่าชีวิตจะต้องเป็นอย่างไร
ชีวิตของผู้ทำงานของพระต้อง Empty หรือว่างเปล่า
จะทำงานของพระเยซูก็ต้องมีชีวิตเหมือนพระเยซู แต่การจะเหมือนพระเยซูสำหรับพวกเราคงจะยาก เพราะเรายังคงเป็นมนุษย์ ดังนั้นเอาแค่คล้ายพระเยซูก็คงพอ
เราคล้ายพระเยซูกันมากน้อยแค่ไหนแล้ว?
ปีศักดิ์สิทธิ์ให้เราทั้งฆราวาส พระสงฆ์ และนักบวช หันมาดูเรื่องนี้กันเป็นพิเศษ