แม่พระได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ ประตูแห่งความหวังของคริสตชน
สมเด็จพระสันตะปาปา ปีโอที่ 12 ทรงประกาศรับรองความเชื่อเรื่องการได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ของแม่พระ ในปี ค.ศ. 1950 ซึ่งเป็นการรับรองว่า แม่พระผู้ทรงเป็นพรหมจารีและปราศจากมลทินใดทั้งปวง ได้รับการยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ การรับรองนี้เป็นการยืนยันข้อความเชื่อ 3 ประการ คือ
• แม่พระทรงเป็นมารดาของพระเจ้า
• แม่พระทรงเป็นผู้นิรมล
• แม่พระทรงเป็นพรหมจารีอยู่เสมอ
แม่พระได้รับการยกขึ้นสวรรค์ไม่นานหลังจากหมดลมหายใจบนโลกนี้ และพระเจ้าไม่ทรงมีพระประสงค์ให้ร่างของแม่พระเปื่อยเน่าไป เพราะพระนางทรงเป็นผู้เปี่ยมด้วยพระหรรษทาน ดังคำกล่าวของทูตสวรรค์ขณะที่แจ้งสารแก่พระนาง แม่พระปราศจากบาปกำเนิดตั้งแต่เมื่อทรงอยู่ในครรภ์ของมารดา และดังนั้นวิญญาณของแม่พระจึงบริสุทธิ์ผุดผ่องตลอดเวลาที่อยู่ในโลกนี้
พระนางมารีย์ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ที่ยิ่งใหญ่ของเรา เพราะพระนางได้ทรงร่วมมือกับพระบุตรในการไถ่บาปของชาวเรา พระเยซูเจ้าทรงพลีชีวิตเพื่อความรอดของเรา โดยทรงรับเอากายจากแม่พระผู้ทรงปฏิสนธิพระเยซูเจ้า ทรงอุ้มพระองค์ไว้ในพระครรภ์ ทรงให้กำเนิดและเลี้ยงดูพระองค์ พระภารกิจทั้งหลายที่แม่พระทรงแบกรับไว้ ก็เพื่อให้พระบุตรของพระนางเป็นยัญบูชา เพื่อความรอดของเราทุกคน แม่พระจึงมีส่วนร่วมอย่างสมบูรณ์กับพระบุตรในการไถ่บาปของเรามนุษย์
แม่พระทรงติดตามพระเยซูเจ้า ขณะที่พระองค์ทรงแบกกางเขนอยู่บนเขากัลวาริโอ และที่เชิงกางเขน แม่พระทรงเพ่งดูพระบุตรที่กำลังรับทรมานอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าร่างกายของแม่พระมิได้ถูกทรมานด้วย แต่จิตใจของพระนางก็ทรงเป็นทุกข์อย่างหาที่เปรียบมิได้ จึงกล่าวได้ว่าแม่พระทรงนำเราทุกคนผู้เป็นบุตรที่รักของพระนางไปยังเขากัลวาริโอด้วยความเจ็บปวด ทั้งนั้นเพราะทรงเป็นห่วงกังวลความรอดของเราทั้งหลาย
นักบุญบางองค์ภาวนาว่า “ข้าแต่พระนางมารีย์ โปรดแสดงให้เราเห็นองค์พระเยซูเจ้า” ขณะที่นักบุญบางองค์กลับภาวนาว่า “ข้าแต่พระเยซูจ้า โปรดแสดงให้เราเห็นพระนางมารีย์ พระมารดาของพระองค์ด้วยเทอญ”
นักบุญยอห์นแห่งไม้กางเขน และนักบุญเทเรซาทั้งสององค์
เมื่อเราอ่านชีวประวัตินักบุญยอห์นแห่งไม้กางเขนและนักบุญสตานิสลาส เราจะพบว่า ขณะที่นักบุญทั้งสองประสบปัญหาที่สำคัญในชีวิต ท่านได้หันหน้าเข้าพึ่งพระนางมารีย์ นักบุญยอห์นแห่งไม้กางเขน ระหว่างที่ถูกขังอยู่ในอารามที่มีกำแพงสูงล้อมอยู่นั้น ค่ำวันหนึ่งผู้คุมลืมลงกลอนห้องขังของท่าน และเมื่อถึงเวลาดึกสงัด ท่านก็ได้เดินออกจากห้องขังมายังบริเวณสนามหญ้าของอาราม แต่ท่านจะหลบหนีออกไปได้อย่างไร เพราะถ้าถูกจับได้ก็จะถูกประหารชีวิตอย่างแน่นอน ท่านเริ่มสวดวิงวอนแม่พระด้วยความศรัทธา และไม่นาน ท่านจึงได้ปีนออกสู่โลกภายนอกทางด้านนั้นอย่างปลอดภัย
นักบุญสตานิสลาส ต้องการหลบหนีจากพี่ชายที่เลี้ยงดูท่านอย่างโหดร้าย และในตอนเช้าตรู่วันหนึ่ง ท่านปลอมตัวเป็นขอทาน และเดินออกจากบ้านไปนอกกรุงเวียนนา แทนที่จะเดินไปฟังมิสซาที่วัดดังที่เคยปฏิบัติอยู่ทุกเช้า ท่านตั้งใจจะเดินไปกรุงโรมและสมัครเข้าบ้านเณรคณะเยสุอิตที่นั้นระหว่างทาง ท่านกลัวว่าพี่ชายจะตามมาพบและลากตัวกลับ เวลาผ่านไปไม่นาน ท่านก็ได้ยินเสียงฝีเท้าม้าไล่มาทางด้านหน้า ท่านได้สวดภาวนาขอให้แม่พระช่วย และก็ได้รับความช่วยเหลือตามคำภาวนา เพราะเมื่อพี่ชายขี่ม้าเข้ามาถึง ก็ได้ยื่นอาหารให้เพราะจำน้องชายไม่ได้ และเข้าใจว่าท่านเป็นขอทานจริง ๆ จากนั้นก็เร่งม้าจากไปพร้อมกับโยนเหรียญเงินทิ้งไว้ให้ท่านอีกด้วย หลังจากนั้น ท่านก็ได้หลบซ่อนตัวอยู่ในป่าในบริเวณนั้น ก่อนที่จะเดินทางต่อไปตามที่ตั้งใจไว้
ที่วัดแห่งหนึ่งมีการจัดการแสดงละครเรื่องพระมหาทรมาน มีสัตบุรุษพากันมาอย่างล้นหลาม การแสดงผ่านไปจนถึงฉากที่ยูดาสกำลังแสดงอาการเศร้าโศกเสียใจอย่างหนักเพราะได้ทรยศด้วยการขายพระอาจารย์แก่ศัตรู ผู้ที่แสดงเป็นยูดาส แสดงอารมณ์โศกเศร้าได้อย่างลึกซื้ง และระหว่างที่เขากำลังสะกดอารมณ์ของผู้ชมทุกคนจนเงียบกริบอยู่นั้น ก็มีเสียงตะโกนร้องของเด็กคนหนึ่งดังขึ้นว่า “ยูดาสครับ ถ้าท่านไม่กล้าขอโทษพระเยซูเจ้า ก็ไปพูดกับแม่ของพระองค์ก็ได้นิครับ…” ผู้ชมที่นั่นทุกคนตะลึงงันเพราะคำพูดของหนูน้อย
ถูกแล้ว พระเจ้าทรงมีพระทัยดีและทรงอภัยโทษแก่เรา แต่โปรดจำไว้ด้วยว่า พระองค์ยังทรงต้องรักษาพระยุติธรรม ซึ่งต่างจากพระมารดาของพระองค์ ที่ใจดีและมีเมตตาอ่อนหวานตลอดเวลา ดังนั้น เมื่อเราตกอยู่ในภยันตรายใด ๆ หรือมีความกังวลในเรื่องต่าง ๆโดยเฉพาะเมื่อเราตกอยู่ในบาปก็อย่าได้สิ้นหวัง ขอให้หันหน้าไปพึ่งพระมารดาผู้ใจดี และสวดวิงวอนขอความช่วยเหลือจากพระนาง แน่นอนพระมารดาจะสดับฟังและไม่รีรอที่จะเข้าช่วยเหลือ เพราะพระนางทรงเปี่ยมด้วยความเมตตาอ่อนหวาน และทรงเป็นประตูแห่งความหวังของเราทุกคน
…จาก http://www.marymagz.com…