สวัสดีครับ
สัปดาห์ละครั้ง 14 มิ.ย. 2015
“ความอดทน”
เชื่อว่าท่านทั้งหลายคงคุ้นเคยกับ“คุณธรรม” ประการนี้เป็นอย่างดีตั้งแต่เล็กๆได้รับการอบรมสั่งสอนจากครูอาจารย์บิดามารดาปู่ย่าตายายให้รู้จัก“อดทน” และพยายามที่จะปฏิบัติตามคำสั่งสอนแต่อย่างไรก็ตามความเป็นจริงก็คือทำได้บ้างไม่ได้บ้างบางครั้งก็“เหลือทน” คือทนไม่ได้
ถ้าเราจะแยกคำศัพท์ออกมาก็จะได้เป็น2 คำคือ“อด”และ“ทน”
อด มาจากคำว่าอดอยากคือขาดแคลนหรือเข้าใจในความหมายว่าไม่มีอะไรกินหรืออาจจะเข้าใจว่าไม่ได้ตามความต้องการก็ได้
ทน มีความหมายว่าสามารถอยู่กับสภาพที่ยากลำบากได้อาจจะเป็นความเจ็บไข้ได้ป่วยความเจ็บปวดทางร่างกายหรือความไม่สบายใจกับปัญหาและอุปสรรคต่างๆที่เกิดขั้นก็ได้
เมื่อนำคุณธรรมเรื่องความอดทนมาพิจารณาอย่างถ่องแท้จะพบว่ามันเป็นเรื่องของการยอมรับและเข้าใจความเป็นจริงที่เกิดขึ้นที่เป็นอยู่ต่อหน้าตนไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็นอย่างไรก็ตามจะถูกใจหรือไม่ถูกใจก็ตาม
ความอดทนจึงไม่ใช่“ทนทุกข์”แต่เป็นการอยู่กับความทุกข์ยากลำบากปัญหาและอุปสรรคต่างๆได้อย่างดีคือมีสติมีความสงบได้ในจิตใจและที่สุดความทุกข์ลำบากนั้นก็จะผ่านพ้นไปแต่ผลที่เกิดขึ้นจะได้กับผู้นั้นเองที่จะเข้มแข็งมั่นคงยิ่งขึ้นแน่นอนว่าจะเป็นไปได้อย่างนี้ต้องอาศัยพระพรจากพระเป็นเจ้าเป็นสำคัญดังนั้นชีวิตที่เป็นหนึ่งเดียวสัมพันธ์กับพระเป็นเจ้าจะทำให้เราบรรลุความสำเร็จเช่นนี้ได้
วันนี้จึงอยากจะเชิญทุกท่านให้หันมาพิจารณาดูชีวิตของตนเองเริ่มต้นตั้งแต่ในครอบครัวของเราระหว่างสามีภรรยาลูกหลานปู่ย่าตายายเชื่อว่าเราเคยมีประสบการณ์กันทุกคนคือต้องใช้ความอดทนข้อขาดตกบกพร่องของกันและกันหรือในที่ทำงานในหน่วยงานในองค์กรหรือในระหว่างเพื่อนสนิทมิตรสหาย
จากสิ่งที่กล่าวมาแล้วนี้เชื่อว่าหลายท่านกำลังประสบอยู่จึงคิดว่าจะเป็นประโยชน์ได้ข้อคิดเห็นแนวทางที่จะทำให้ชีวิตของตนมีความสงบพบสันติมีความสุขได้
คุณธรรมความอดทนจึงมีความหมายมีคุณค่าสำหรับชีวิตของเราในทุกมิติๆไม่ว่าจะเป็นพระสงฆ์นักบวชหรือฆราวาสก็ตาม… สวัสดีครับ