สวัสดีครับ
สัปดาห์ละครั้งอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม 2558
คนดีเดินไปไหน“ใครก็ทัก” คนดีมีคนรัก“ใครก็สนใจ”
คนดีแม้ตกอับ“ก็ไม่จน” คนดีแม้นจะจน“ก็มีกิน”
คนดีไปไหน“เขาก็ช่วย” คนดีอยู่ที่ไหน“พระก็เห็น”
คนดีอยูกับใคร“ก็เยือกเย็น” คนเย็นอยู่กับ“ใครก็สบาย”
คนทั้งหลายอยากสบาย“ต้องทำดี”
วันก่อนมีคนส่งไลน์มาให้อ่านแล้ว“เข้าท่า” ดีค่อยๆไตร่ตรองไปทีละท่อนมีความหมายถือเป็นหลักปฏิบัติในชีวิตประจำวันๆได้ในระดับหนึ่ง
“คนดี”ในทีนี้คงมิใช่หมายถึงคนที่มีร่างกายสมประกอบไม่พิการกล่าวคือมิได้หมายความถึงรูปร่างหน้าตาสรีระสูงต่ำดำขาวหากแต่หมายถึงลักษณะนิสัยใจคอเสียมากกว่า
นิสัยอย่างไรถึงบอกว่าเป็นคนดี? แน่นอนเมื่อพูดถึงนิสัยย่อมหมายถึงพฤติกรรมหรือการกระทำคำพูดการแสดงออกที่ปรากฏออกมามิใช่ความรู้สึกนึกคิดที่อยู่ภายในโดยปกติแล้วคนเราสามารถบอกได้ว่าใครนิสัยเป็นอย่างไรเมื่อได้รู้จักมักคุ้นกันสักระยะหนึ่งและจะบอกได้ว่าคนไหนดีคนไหนไม่ดีก็ด้วยพฤติกรรมที่เขาแสดงออกนั่นเอง
“ทำดี”เป็นอีกคำหนึ่งที่จะนำมากล่าวถึงอะไรคือทำดี? หมายถึงการกระทำอย่างไร? ถ้าจะกล่าวโดยรวมก็คือการกระทำอะไรก็ตามที่ก่อให้เกิดประโยชน์เกิดคุณค่าต่อตนเองและผู้อื่นหรือต่อสังคม
กระบวนการของการทำดีนั้นจะเริ่มต้นจากภายในคือ“คิดดี”อันหมายถึงคิดในสิ่งที่ถูกต้องมีเหตุผลและหลายครั้งมากกว่าเหตุผลตามความถูกต้องยุติธรรมเสียอีกซึ่งถือเป็นเรื่องของ“ความรัก”ซึ่งอธิบายไม่ได้ด้วยเหตุผลจากคิดดีแล้วโดยปกติคนเราก็จะทำให้ความคิดนั้นปรากฏส่วนใหญ่ก็จะเริ่มที่“พูดดี”และสุดท้ายก็จะออกมาในการปฏิบัติจริงในชีวิตประจำวันจึงเป็นอันครบกระบวนการของการ“ทำดี”
ถึงตรงนี้เราจะพบว่าการที่ใครคนใดคนหนึ่งจะกระทำดีนั้นจะต้องเริ่มจาก“คิดดี”เสียก่อนและการที่จะคิดดีได้นั้นจะต้องเป็นคนมีจิตใจที่ดีเป็นพื้นฐาน… การที่จะมีจิตใจที่ดีนั้นอยู่เฉยๆคงไม่สามารถมีได้ต้องได้รับการศึกษาอบรมฝึกฝนตนเองหรือที่เราได้ยินคุ้นหูว่า“อบรมบ่มนิสัย”เนื้อหาสาระของการอบรมนี้ก็คือ“คุณธรรม”ที่มาจากหลักธรรมคำสอนในศาสนาต่างๆนั่นเอง…
สำหรับเราที่เป็นคริสตชนสิ่งนั้นคือ“จิตตารมณ์พระวรสาร”หรือจิตตารมณ์เรื่องความรักที่เราทราบกันอยู่แล้วเป็นเพียงแต่ว่าทำอย่างไรให้จิตตารมณ์นี้เข้ามาเป็นส่วนสำคัญในชีวิตจิตใจของเราให้มากที่สุดเพื่อเราจะสามารถคิดดีพูดดีทำดีซึ่งจะส่งผลทำให้เราเป็น“คนดี”ได้อย่างไม่อายใคร……สวัสดีครับ…