สวัสดีครับ
สัปดาห์ละครั้ง อาทิตย์ที่ 16 ส.ค. 2015
วันพุธที่12 สิงหาคมที่ผ่านมาเป็นวันแม่แห่งชาติในประเทศของเรามีกิจกรรมต่างๆมากมายที่ดูเหมือนจะยิ่งใหญ่เด่นชัดที่สุดก็คือรายการ“Bike for Mom” ซึ่งเขาแปลเป็นภาษาไทยว่า“ปั่นเพื่อแม่”มีการเชิญกินเนสส์บุ๊คมาเป็นสักขีพยานว่ามีคนจำนวนเป็นแสนที่ทำกิจกรรมนี้ร่วมกัน
นอกนั้นเห็นมีกิจกรรมที่กระทำกันเป็นประเพณีในเกือบจะทุกโรงเรียนก็คือการจัดงาน“วันแม่” อันว่า“วันแม่”นี้เขาถือเอาวันที่12 สิงหาคมของทุกปีสาเหตุก็มาจากเป็นวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถนั่นเองในวันนี้เขาจึงให้มีการถวายพระพรด้วยการจุดเทียนชัยมีพิธีอาเศียรวาทแด่พระองค์ท่าน
ในเวลาเดียวกันสังคมก็ยังเรียกร้องให้มีการระลึกถึงพระคุณของแม่ผู้บังเกิดเกล้าของทุกคน(เพราะทุกคนมีแม่) ตามโรงเรียนต่างๆก็มักจะเชิญตัวแทนแม่ของนักเรียนมาร่วมพิธีให้นักเรียนไหว้แม่ซึ่งต้องถือว่าเป็นการกระทำกิจกรรมที่ดีเป็นรูปธรรม…
สำหรับพวกเราที่เป็นคาทอลิกวันที่12 สิงหาคมใกล้กับวันที่15 สิงหาคมซึ่งเป็นวันฉลองแม่พระเสด็จสู่สวรรค์เราจึงทำการระลึกถึงเป็นพิเศษสำหรับแม่พระด้วยสรุปแล้วก็เลยถือเป็นคิดถึงแม่ทั้ง3 คือสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯคือเป็นแม่แห่งชาติแม่ของแต่ละคนคือแม่บังเกิดเกล้าและ เเม่พระซึ่งเราคาทอลิกถือว่าเป็นแม่ในสรวงสวรรค์
วันนี้อยากจะกล่าวถึงการจัดกิจกรรมวันแม่ตามโรงเรียนตามสถาบันการศึกษาต่างๆและดูเหมือนว่าจะเน้นเป็นพิเศษในโรงเรียนอนุบาลประถมและมัธยมส่วนอุดมศึกษาไม่ค่อยจะเห็นเท่าไหร่วันก่อนมีคนเขียนในหนังสือพิมพ์บอกว่าการเชิญแม่มาโรงเรียนให้ลูกคำนับบนเวทีจำนวนหนึ่งและมีเด็กๆอีกจำนวนมากมายที่แม่ไม่ได้มาหรือแม่ไม่อยู่แล้วหรือบางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่อยู่ไหน? ทำให้เกิดบรรยากาศเศร้าใจหลายคนร้องไห้น้ำตาไหลพรากเขาบอกว่าการกระทำอย่างนี้เหมาะหรือไม่เป็นการตอกย้ำซ้ำเติมเติมปมด้อยเด็กๆหรือเปล่า… หลายคนก็ออกมาบอกว่ากิจกรรมนี้ดีแล้วเป็นประเพณีที่ดีที่ทำให้คิดถึงแม่มีความกตัญญูรู้คุณสิ่งสำคัญคือเขาเชิญแม่มาเพียงชั้นเรียนละ1-2 คนเป็นเครื่องหมายเท่านั้นส่วนใหญ่ไม่ได้มาสำคัญคือครูควรจะอธิบายให้เด็กๆเข้าใจเสียก่อนว่าความหมายคืออะไรหรือใครจะเอาผู้ปกครองพี่ป้าน้าอามาแทนก็ได้เพราะแม่ไม่สะดวกจะมาฯลฯ
ฟังดูแล้วต่างก็มีเหตุผลที่สำคัญคือต้องทำให้เด็กๆเข้าใจและอยู่กับความเป็นจริงให้เขาเห็นความสำคัญของแม่แม้เขาจะไม่ได้อยู่กับแม่แล้วก็ตามถ้าให้เด็กๆเข้าใจความจริงและรับกับความเป็นจริงให้ได้ปมด้อยที่อาจจะมีอยู่นั้นก็จะลดน้อยลงหรืออาจจะหายไปเลยก็ได้
สรุปแล้วในวันนี้แม้จะผ่านวันแม่มาแล้ว3-4 วันแต่ความกตัญญูรู้คุณความเคารพรักในแม่ของเรานั้นมันมิใช่อยู่แค่วันที่12 สิงหาคมเท่านั้นหากแต่มันจะต้องอยู่กับชีวิตจิตใจของเราแต่ละคนในทุกๆวันและอย่าลืมเรามีแม่ที่รักเราและดูแลเราเสมอเราคงไม่ลืมพระวาจาพระเยซูบนกางเขนที่ตรัสกับนักบุญยอห์นว่า“นี่แน่ะแม่ของเจ้า” (ยน. 19:27) …สวัสดีครับ