สวัสดีครับ
สัปดาห์ละครั้ง อาทิตย์ที่ 30 ส.ค. 2015
“กิจวัตรประจำวัน”หมายถึงสิ่งที่มนุษย์เรากระทำอยู่เป็นประจำในทุกๆวันซึ่งจะผิดแผกแตกต่างกันออกไปแล้วแต่บุคคลเรียกว่าจะไม่เหมือนกันเลยเป็นต้นในรายละเอียดต่างๆเช่นเราทำอะไรบ้างเมื่อตื่นนอนในตอนเช้าลุกขึ้นจากที่นอนทันทีหรืออ้อยอิ่งบิดซ้ายบิดขวายกแข้งยกขานิดหน่อยเพื่อออกกำลังกายหรือบางคนนาฬิกาปลุกแล้วขอต่ออีกนิดเลยหลับเพลินจนทำให้ตื่นสายไปเลยก็มี
เมื่อลุกขึ้นนั่งแล้วทำอะไรต่อหลายคนก็สวดภาวนาบางคนก็ไม่สวดลุกไปห้องน้ำอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันฯลฯเคยคิดหรือสังเกตหรือเปล่าว่าเราก้าวเท้าไหนเป็นก้าวแรกเชื่อว่าร้อยทั้งร้อยไม่เคยคิดเพราะทำไปโดยอัตโนมัติ
ต่อจากนั้นก็แต่งเนื้อแต่งตัวเตรียมทำภารกิจประจำวันที่ต้องทำเช่นไปทำงานไปโรงเรียนไปเตรียมอาหารเช้าฯลฯบางคนต้องเดินทางด้วยรถยนต์มอเตอร์ไซค์รถไฟฟ้ารถเมล์โชคดีหน่อยบางคนไม่ต้องเดินทางเพราะบ้านกับที่ทำงานเป็นที่เดียวกัน
ถ้าจะถามว่า“กิจวัตรประจำวัน” ที่กระทำกันอยู่นี้เบื่อกันบ้างไหม?เชื่อว่าคำตอบจะมีหลายหลากกันไปบางคนจะบอกว่า“โคตรเบื่อเลย”เพราะไม่ชอบบางคนบอกว่าเฉยๆเพราะถือเป็นภาระเป็นหน้าที่ที่ต้องทำคือต้องรับผิดชอบบางคนบอกว่าก็ดีมีความสุขดีเพระทำแล้วสนุกถูกใจ
วันนี้ยกเรื่องเหล่านี้มาคุยเพราะอยากจะบอกว่าเราทุกคนต้องอยู่กับความเป็นจริงซึ่งความจริงที่เป็นอยู่ต่อหน้าเรานั้นจะมีทุกรสชาติทั้งเรื่องทุกข์เรื่องสุขทั้งที่ถูกใจและไม่ถูกใจทั้งผิดหวังและสมหวังเขาบอกกันว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้คนเราไม่เป็นสุขเพราะอยู่กับความจริงไม่ได้รับกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เรื่องนี้มีตัวอย่างเยอะแยะเช่นคนหนึ่งพอรู้ว่าตัวเองเป็นโรคร้ายเป็นมะเร็งขั้นแรกก็เศร้าโศกกินไม่ได้นอนไม่หลับผลคือซึมซูบซีดผอมลงไปอย่างรวดเร็ว… ครั้นเวลาผ่านไปมีคนให้กำลังใจมีเวลารำพึงภาวนาทำให้รับความจริงได้จึงค่อยๆปรับสภาพทำใจอยู่กับมันหันมารับประทานอาหารได้มากขึ้นร่างกายก็แข็งแรงขึ้น…
มีเรื่องเล่าให้ฟังที่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นผมมีเพื่อนคนหนึ่งเขาเป็นมะเร็งขั้นหนักแล้วแต่เขารับได้พวกเราต่างหากที่เป็นกังวลเป็นห่วงเคยไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาลกะว่าจะไปปลอบใจซะหน่อยพอไปถึงเขากับหัวเราะยิ้มแย้มทักทายเราอย่างมีความสุขบอกกับเราเสียงดังฟังชัดว่า“เฮ้ย… ลื้อไม่ต้องกลัวฮั๊วไมตายหรอก…”เราก็งงเพราะรู้มาว่าหมอบอกว่าจะอยู่ได้อีกประมาณ6 เดือนเขาพูดต่อทันทีเรายังไม่ได้ตาย“มันแค่มาเล็งมันไม่ได้ยิงรับรองไม่ตาย…”คำพูดของเขาเรียกเสียงหัวเราะด้วยกันได้อย่างสนุกสนานปรากฏว่าเขาอยู่ได้อีกประมาณ4 ปี!!
วันก่อนมีคริสตชนคนหนึ่งเขาบอกว่าเขาสวดขอพระให้เขาตายด้วยโรคมะเร็งเล่นเอางงเหมือนกันแต่หลังจากฟังเหตุผลของเขาแล้วจึงเห็นด้วยกับเขาเขาบอกว่าถ้าตายด้วยโรคมะเร็งเราจะมีเวลาเตรียมตัวตายอย่างดีไม่เหมือนกับตายปัจจุบันทันด่วน… คริสตชนคนนี้ต้องบอกว่า“ความเชื่อ”ของเขามั่นคงและสุดยอดจริงๆอย่างไรก็ตามคิดว่าเราภาวนาขอให้ตายในศีลในพรของพระก็น่าจะพอว่ามั้ย? …สวัสดีครับ