สวัสดีครับ
สัปดาห์ละครั้ง อาทิตย์ที่ 20 ก.ย. 2015
(ต่อจากสัปดาห์ที่แล้ว)
7. ประเด็นที่ต้องเข้าใจเพิ่มเติมคือ
ก. การทำแท้งในกรณีที่คุณหมอตัดสินว่าต้องเลือกระหว่างแม่กับลูกคือถ้าเก็บลูกไว้แม่จะเสียชีวิตพระศาสนจักรให้เลือกแม่คือสามารถเอาลูกออกได้แต่ต้องระวังให้แน่ใจจริงๆอย่างนี้ถือว่าไม่ผิด
ข. ในกรณีที่มีลูกโดยไม่ได้ตั้งใจเช่นถูกข่มขืนฯลฯพระศาสนจักรไม่อนุญาตให้ทำแท้งแต่แนะนำให้เด็ก
นั้นเกิดมาและพยายามเลี้ยงดูเขาอย่างดีโดยอาจจะใช้เวลาระหว่างตั้งครรภ์ในสถานที่บางแห่งเพื่อรับการเยียวยาดูแลทั้งร่างกายและจิตใจเช่นที่บ้านดูแลปัญหานี้ของคณะซิสเตอร์ศรีชุมพาบาลเป็นต้น
ค. ในกรณีที่ได้เคยทำแท้งมาแล้วก่อนที่จะมารับศีลล้างบาปเป็นคาทอลิกแน่นอนว่าการทำแท้งในตอนนั้นก็
ถือเป็นบาปด้วยแต่ไม่ต้องรับโทษการถูกตัดขาดจากพระศาสนจักรเพราะยังมิใช่สมาชิกของพระศาสนจักรและเมื่อรับศีลล้างบาปแล้วศีลล้างบาปที่ได้รับนั่นเองจะชำระบาปทิ้งสิ้นทุกประการให้หมดไปทำให้ผู้นั้นเป็นสมาชิกของพระศาสนจักรโดยสมบูรณ์
ง. ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายๆก็นำทองว่าสมเด็จพระสันตะปาปาทรงจัดโปรโมชั่นให้บรรดาคริสตชนจะได้คืนดี
กับพระเป็นเจ้าและพระศาสนจักรง่ายขึ้นโดยระยะเวลาการทำโปรโมชั่นนี้คือตั้งแต่วันที่8 ธันวาคม2015 ถึง20 พฤศจิกายน2016 นั่นเอง(มิใช่จัดโปรโมชั่นให้คนทำแท้งได้ กฎหมายพระศาสนจักรมาตรา1398 ยังคงมีอยู่เหมือนเดิม)
จ. ผู้ที่ได้กระทำบาปนี้สมควรจะต้องชดเชยก็คือต้องพยายามใช้โอกาสและเวลาในชีวิตของตนช่วยเหลือ ดูแลเด็กๆที่กำพร้ายากจนเป็นต้นในเรื่องการเจริญชีวิตของเด็กๆเหล่านั้นเช่นอาจจะทำบุญเลี้ยงอาหารเด็กกำพร้าเด็กพิการหรือจะช่วยเป็นประจำตามศูนย์ต่างๆก็ได้ซึ่งศูนย์เหล่านั้นก็ต้องการความช่วยเหลืออยู่แล้วหรือจะเป็นการช่วยเด็กๆเหล่านี้ที่อยู่ในหมู่บ้านในชุมชนของเขาเองก็ได้
ฉ. การไปแก้บาปทำแท้งหรือการคืนดีกับพระเป็นเจ้าและพระศาสนจักรนี้สามารถกระทำได้เสมอไม่ต้องรอ ให้ถึงปีศักดิ์สิทธิ์หรือมีโปรโมชั่นเสียก่อนผู้ที่กระทำบาปนี้สามารถไปรับการคืนดีแก้บาปได้ตลอดเวลาด้วยวิธีการปกติธรรมดาที่พระศาสนจักรกำหนดไว้เพียงแต่ต้องมีจิตใจที่สำนึกผิดละตั้งใจที่จะเจริญชีวิตเป็นหนึ่งเดียวกับพระเป็นเจ้าและพระศาสนจักรอย่างแท้จริง
ท้ายที่สุดให้เราสำนึกในความรักปละพระเมตตาของพระเป็นเจ้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งพระวาจาของพระเยซูเจ้าที่ตรัสว่า…เมื่อได้ยินดังนั้นพระเยซูจึงตรัสตอบว่า“คนสบายดีไม่ต้องการหมอแต่คนเจ็บไข้ต้องการเราไม่ได้มาเพื่อเรียกคนชอบธรรมแต่มาเพื่อเรียกคนบาป”(มก2:17)
ดังนั้นในสังคมของเราไม่ว่าจะเป็นชุมชนวัดในที่ทำงานหรือแม้กระทั้งในบ้านของเราเองเราจึงต้องพร้อมที่จะต้อนรับให้กำลังใจกันและกันในการเป็นหนึ่งเดียวกันแม้จะมีบางคนไม่สามารถเป็นหนึ่งเดียวกับผู้อื่นได้ในเรื่องการรับศีลศักดิ์สิทธิ์แต่เขาก็ยังคงสามารถเป็นหนึ่งเดียวในสังคมด้วยการเจริญชีวิตตามพระวาจาและการรับพรต่างๆได้เสมอการรู้จักต้อนรับดูแลกันและกันนี้คือการทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยคุณหมอ(พระเยซู) ได้เป็นอย่างดี…สวัสดีครับ