สวัสดีครับ
สัปดาห์ละครั้ง อาทิตย์ที่ 25 ต.ค. 2015
“วันก่อนมีโมโหกับผู้ร่วมงานนิดหน่อยสาเหตุเพราะมีความคิดเห็นบางอย่างไม่ตรงกันเราก็คิดว่าอย่างนี้แหละน่าจะเป็นไปได้เหมาะสมแล้วแต่ถึงเวลากลับถูกโต้แย้งไม่เห็นด้วยเราก็คิดว่าเราพยายามคิดและทำออกมาอย่างรอบคอบแล้วมีเหตุผลประกอบเรียบร้อย…”
เป็นคำบอกเล่าจากคนรู้จักคนหนึ่งซึ่งคุ้นเคยและรู้ว่าเขาเป็นคนใจร้อนพอสมควรแต่ก็ไม่แปลกใจเพราะเขามีข้อดีอยู่อย่างหนึ่งก็คือ“เป็นคนโมโหง่ายหายเร็ว”เรียกว่าสักชั่วโมงสองชั่วโมงก็หายแล้ว
เชื่อว่าอาการแบบนี้เราท่านทั้งหลายคงจะได้พบได้เห็นกันมาพอสมควรต้องบอกว่าเพื่อนคนนี้แม้จะโมโหง่ายแต่ก็หายไปอย่างรวดเร็วไม่เก็บไว้ข้ามวันข้ามคืนหรืออยู่ในใจฝังใจไปยาวนานจึงเห็นเขามักจะยิ้มแย้มแจ่มใสมีความสุขคุยสนุกสนานเสมอแสดงว่าเขาไม่มีเรื่องให้ต้องวิตกกังวลอะไรนัก
จากคำบอกเล่าของเพื่อนคนนี้ก็เลยทำให้คิดต่อว่าถ้าหากคนเราโกรธง่ายหายเร็วกันมากๆสังคมก็น่าจะมีความสุขมากขึ้นและถ้ายิ่งโกรธยากหายเร็วด้วยยิ่งยอดเยี่ยมกันไปใหญ่จากนั้นก็คิดต่อไปว่าทำไมคนเราต้องโกรธด้วย? อะไรเป็นสาเหตุของความโกรธ?
หลังจากไตร่ตรองดูสักพัก(ใหญ่) จึงพอจะสรุปได้ว่าสาเหตุก็คือ“ไม่ถูกใจ”อันความโกรธนั้นมันอยู่ที่ใจของคนนั่นเองเพราะเหตุการณ์เรื่องราวหรือการกระทำคำพูดของคนอื่นมันมีอาการเข้ากันไม่ได้กับความชอบความต้องการของตนเองหรือพูดอีกอย่างว่า“ไม่ได้ดังใจ”นั่นแหละและเรื่องเล่านี้มีอยู่ในชีวิตของคนเราทุกผู้ทุกนามทุกวี่ทุกวันมากบ้างน้อยบ้างถือว่าเป็นสัจจะความจริงของชีวิต
วิธีแก้ก็คือต้อง“อยู่กับความจริง”ให้ได้หมายถึงคนนี้เค้าเป็นอย่างนี้คนนั้นก็มีนิสัยอย่างนั้นต้องพยายามตัดใจและทำใจให้เป็น…จิตเราก็จะสงบไม่วิตกกังวลสามารถยกโทษให้อภัยไม่ถือสาต่อความผิดพลาดบกพร่องของคนอื่นยิ่งกว่านั้นยังปรารถนาอยากที่จะช่วยเหลือเขาอีกด้วย
ใครก็ตามที่สามารถทำอย่างนี้ได้จิตใจของเขาจะปลอดโปร่งโล่งตลอดไม่เครียดไม่วิตกกังวลส่วนจะมีโมโหกันบ้างโกรธบ้างยังเป็นเรื่องธรรมดาแต่จะไม่มีความเกลียดชังพยาบาทอาฆาตมาดร้ายความโกรธความโมโหจะเหือดหายไปได้อย่างรวดเร็ว… เรื่องแบบนี้ต้องทำด้วยตัวเองจึงจะรู้และเข้าใจอย่างแท้จริง…สวัสดีครับ.