อัสสัมชัญสำคัญที่ใจ
วันฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ในวันนี้ พวกเราหลายคนต่างเพ่งสายตามองไปที่ครอบครัวของพระเยซูเจ้า อันประกอบไปด้วยพระเยซูกุมาร แม่พระ และนักบุญยอแซฟ
ฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ในปีนี้ก็ตรงกับการที่พระศาสนจักรกำหนดให้ปีนี้เป็นปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรม คล้องจองเข้ากันได้อย่างเหมาะสม
มีหนังสือ 4 เล่มที่แจกในโอกาสสำคัญวันเปิดปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรมที่อาสนวิหารอัสสัมชัญ 13 ธันวาคม 2015 มีอยู่เล่มหนึ่งที่น่าสนใจ พลิกไปหน้าปกแรกเขียนไว้ว่า “ปีศักดิ์สิทธิ์กับชีวิตคริสตชน” และเมื่อพลิกหนังสือเล่มเดียวกันกลับไปด้านหลังก็จะพบข้อความว่า “อัสสัมชัญสำคัญที่ใจ”
ในเนื้อหาของ “ปีศักดิ์สิทธิ์กับชีวิตคริสตชน” ขอให้เราพลิกไปในหน้าที่ 7 ซึ่งเป็นบทภาวนาของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส สำหรับปีศักดิ์สิทธิ์ พระองค์ทรงพูดถึง “ใจ” หลายครั้ง ทรงเน้นการมีใจเมตตา เฉกเช่นพระบิดาในสวรรค์ทรงเน้นการกลับใจ และท้ายบทภาวนา ทรงภาวนาขอให้ “พระศาสนจักรรื้อฟื้นความกระตือรือร้นที่จะประกาศข่าวดีแก่คนยากจน ปลดปล่อยผู้ถูกกดขี่และถูกจองจำให้เป็นอิสระ และคืนสายตาให้แก่คนตาบอด…”
ได้เคยกล่าวและเขียนไว้หลายครั้งแล้วว่า แก่นของปีศักดิ์สิทธิ์ คือ การเลิกทาส และสารวันสันติภาพสากล 1 มกราคม 2558/2015 ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ก็เป็นหัวข้อ “ไม่มีทาสอีกต่อไป หญิงชายทั้งผองพี่น้องกัน” แม้จะทรงเน้นให้พระศาสนจักรทำหน้าที่ปลดปล่อยทาสแต่สิ่งที่สำคัญที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ ก่อนที่เราจะไปปลดปล่อยผู้อื่นให้พ้นจากการเป็นทาส ตัวเราต้องปลดปล่อยตัวเราให้พ้นจากการเป็นทาสเป็นอันดับแรก และสิ่งที่จะต้องยอมรับก็คือ ปีศาจได้ทำให้เราทุกๆคนเป็นทาสของมันผ่านทางหลายๆสิ่งที่มันนำมาล่อเราไว้ทั้งทรัพย์สินเงินทอง ชีวิตที่สะดวกสบาย เกียรติยศชื่อเสียง และอำนาจ ใจของเราที่ติดเกาะอยู่กับสิ่งเหล่านี้กลายเป็น หัวใจที่เป็นทาส
และวิธีที่จะหลุดพ้นจากการเป็นทาสก็มีเพียงวิธีเดียวก็คือ การเปิดหัวใจให้พระเยซูเจ้าเข้าไปจัดการปลดปล่อยหัวใจที่เป็นทาสของเรา “ดูเถิด เรากำลังยืนเคาะประตู ถ้าผู้ใดได้ยินเสียงของเราและเปิดประตู เราจะเข้าไปกินอาหารร่วมกับเขา เขาจะกินอาหารร่วมกับเรา” (วิวรณ์ 3:20) พระเยซูเจ้าทรงเรียกร้องเราให้
1. ฟังเสียง(พระวาจา)ของพระองค์
2. เปิดใจรับพระองค์(คือเปิดใจรับฟังและปฏิบัติตามพระวาจานั้น)
การทำเช่นนี้จะทำให้ชีวิตของแต่ละคนเริ่มเปลี่ยนแปลง ชีวิตของเราแต่ละคนก็จะเริ่มเป็นชีวิตที่ศักดิ์สิทธิ์โดยอาศัยพระวาจานั้น จากนั้นความเมตตาและความรักก็จะหลั่งไหลออกจากหัวใจที่เปลี่ยนไปแล้วนั้น
ดังนั้น “อัสสัมชัญ สำคัญที่ใจ” ก็คือสัตบุรุษวัดอัสสัมชัญ ต้องทำอย่างที่พูดข้างบน คือ ต้อง”ทำตัวและทำใจให้หลุดพ้นจากการเป็นทาสของสรรพสิ่งนานาที่เรารู้ตัวว่าเราเป็นโดยการพิจารณาตัวตนของเราเองดูว่าเรามีสภาพทาสอะไรและอย่างไร จากนั้นฟังและปฏิบัติพระวาจาอย่างจริงจัง” เพื่อให้พระวาจานี้ขัดเกลาชีวิตของเราและ เมื่อแต่ละคนพยายามทำดังกล่าวชีวิตของแต่ละคนก็จะกลายเป็นชีวิตที่ศักดิ์สิทธิ์ ครอบครัวแต่ละครอบครัวของวัดอัสสัมชัญก็จะกลายเป็นครอบครัวศักดิ์สิทธิ์และที่สุดวัดอัสสัมชัญซึ่งเป็นครอบครัวใหญ่ก็จะกลายเป็นครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ตามมา