สวัสดีครับ
สัปดาห์ละครั้ง อาทิตย์ที่ 17มกราคม 2559
ปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรมเริ่มมาได้เดือนกว่าแล้วมีการรณรงค์อธิบายความหมายหลายแห่งก็จัดกิจกรรมวางแผนงานไว้แล้วตลอดปีมีหลายวัดหลายกลุ่มหลายคณะพยายามจัดกิจกรรมให้เป็นรูปธรรมด้วยการช่วยเหลือดูแลคนยากไร้คนพิการคนด้อยโอกาส… ซึ่งหมายถึงการให้วัตถุสิ่งของอาหารเครื่องอุปโภคและบริโภคหรือจัดไปเยี่ยมสถานสงเคราะห์ต่างๆ
สิ่งต่างๆที่กล่าวมานี้ก็น่าส่งเสริมสนับสนุนแต่ถ้าจะให้ตรงประเด็นยิ่งขึ้นกับความหมายของ“เมตตาธรรม” นั้นต้องไม่ลืมเรื่องจิตใจ(จิตตารมณ์) เป็นสำคัญกล่าวคือต้องเริ่มที่“จิตสำนึก”ของตนเองก่อนต้องตอบคำถามว่า“ทำไมต้องมีเมตตาธรรม?”ให้ได้เสียก่อนเพราะเมื่อเราเข้าใจเหตุผลเห็นคุณค่าของเมตตาธรรมแล้วกิจการแห่งเมตตาธรรมก็จะเป็นกิจการที่ออกมาจากใจมิใช่เป็นเรื่องเพียงแค่มาจากการประชุมเพื่อหากิจกรรมทำเท่านั้น
อันว่า“ความเมตตา” ต้องเริ่มจากตนเองและค่อยๆขยายวงกว้างออกไปคือจากตนเองอันดับแรกต้องเป็นคนในครอบครัวสามีภรรยาลูกหลานพี่ป้าน้าอาเพื่อนสนิทมิตรสหายผู้ร่วมงานและไปยังทุกๆคน หลายครั้งมีบางคนอุตส่าห์แสดงเมตตาจิตกับคนตกทุกข์ได้ยากตามต่างจังหวัดตามดอยตามเขาเดินทางไปเยี่ยมนำเงินนำข้าวของไปแจก… แต่ลืมนึกถึงคนใกล้ตัวในบ้านของตนขาดความรักขาดการดูแลเอาใจใส่ช่วยเหลือกันกลับเป็นเหตุแห่งความทุกข์ครอบครัวเริ่มแตกแยกไม่อยากพูดไม่อยากคุยเบื่อหน่ายบางครั้งเป็นเหตุแห่งบ้านแตกสาแหรกขาดก็มี
ปีแห่งเมตตาธรรมจึงน่าจะเป็นโอกาสดีที่เราจะเริ่มสร้างเมตตาธรรมที่แท้จริงให้เกิดขึ้นในตนเองเป็นอันดับแรกกล่าวคือต้องเมตตาตัวเองปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตนเองให้รู้จักรักรู้จักลดละเลิกสิ่งไม่ดีในชีวิตเมื่อครอบครัวมีสันติสุขความดีนั้นจะขยายไปสู่ครอบครัวอื่นบ้านอื่นเราจะเป็นเหตุให้สังคมมีความสุขขึ้นเราจะรู้จักให้ด้วยความสุขคือให้ทั้งทางด้านจิตใจและวัตถุกับผู้อื่นพูดง่ายๆก็คือเราจะรู้จักรักอื่นได้อย่างแท้จริงจะเห็นความสำคัญและคุณค่าของการมีชีวิตอยู่เพื่อผู้อื่น
หากเราสามารถสร้างเมตตาธรรมอย่างแท้จริงดังที่กล่าวไปแล้วนี้ขึ้นมาได้ในชีวิตของเราย่อมเป็นการเริ่มต้นที่ถูกต้องและจะก้าวเดินไปอย่างมั่นใจตลอดปีแห่งเมตตาธรรมนี้เชื่อว่าชีวิตของเราจะมีการเปลี่ยนแปลงเป็นคริสตชนเป็นศิษย์พระคริสต์ที่ดีพร้อมทั้งเป็นประจักษ์พยานถึงพระองค์และความรักของพระองค์แน่ๆ…สวัสดีครับ.