ผู้ประกาศข่าวดีแท้จริง ต้องมีชีวิตที่เป็นอิสระ
พระวรสารประจำวันอาทิตย์วันนี้ คือ วันอาทิตย์สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลธรรมดา เป็นพระวรสารที่ประกอบด้วย 2 ส่วน ส่วนที่ 1 คือ ลูกาบทที่ 1 ข้อ 1 ถึง 4 เป็นอารัมบทของท่านนักบุญลูกา ส่วนที่ 2 คือ ลูกาบทที่ 4 ข้อ 14 ถึง 21 พูดถึงการเริ่มเทศน์สอนของพระเยซูเจ้า
เนื้อหาของส่วนที่ 2 สำคัญมากๆเพราะบรรยายถึงการทำงานของพระเยซูเจ้าคือ
1. การประกาศข่าวดีแก่คนยากจน
2. การปลดปล่อยแก่ผู้ถูกจองจำ
3. การคืนสายตาแก่คนตาบอด
4. การปลดปล่อยผู้ถูกกดขี่ให้เป็นอิสระ และ
5. การประกาศปีแห่งความโปรดปรานจากองค์พระผู้เป็นเจ้า
งานทั้ง 5 เป็นงานของพระเยซูเจ้า แต่งานทั้ง 5 ก็ถูกส่งต่อให้เราคริสตชนแต่ละคน เพื่อทำงาน 5 อย่างนี้สืบต่อจากพระองค์
การทำงานทั้ง 5 ให้มีผลสำเร็จ ผู้ทำงานจะต้องมีชีวิตที่เป็นอิสระ คือ
1. การประกาศข่าวดีแก่คนยากจน ผู้ประกาศต้องมีชีวิตที่ยากจน เช่นเดียวกับพระเยซูเจ้า การพูดว่า “ฉันจะยืนเคียงข้างคนยากจน” ขณะที่ชีวิตของตัวผู้ประกาศไม่ยากจน จะทำให้ผู้ยากจนที่ยืนเคียงข้างตนอับอายขายหน้ามากยิ่งขึ้น คนยากจนใส่เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง แต่ผู้ที่ยืนเคียงข้างคนยากจนกลับแต่งตัวหรูหราด้วยเสื้อผ้าราคาแพง พร้อมกับมีกลิ่นน้ำหอมยุโรปคละคลุ้งจากตัวผู้ประกาศ
2. การปลดปล่อยแก่ผู้จองจำ เพื่อจะปลดปล่อยผู้ถูกจองจำ ตัวผู้ประกาศจะต้องไม่ถูกจองจำเสียเอง ผู้ประกาศในปัจจุบันจำนวนมากถูกจองจำด้วยกิเลสตัณหา และความอยาก กิเลสตัณหาและความอยากในทรัพย์สมบัติ อำนาจ และชื่อเสียง ทั้ง 3 อย่างนี้ มนุษย์กว่าครึ่งค่อนโลก รวมทั้งคริสตชนผู้ประกาศตนว่ามีความเชื่อในพระเยซูเจ้า กลับถูกจองจำ ติดกับต่อความอยากทั้ง 3 นี้ และมุ่งแสวงหามันอย่างหัวปักหัวปำ
3. คืนสายตาแก่คนตาบอด ผู้ประกาศจะกลายเป็นคนตาบอดไปโดยปริยาย ถ้าผู้ประกาศถูกจองจำและเป็นทาสของความกระสันหาในข้อที่ 2. กลายเป็นคนตามืดบอดในการดำเนินชีวิต แต่ละวันหลับหูหลับตา(ตาบอด) แสวงหาแค่เงินทอง เกียรติยศ ชื่อเสียง ไม่รู้ไม่เห็น ไม่ฟัง (ตาบอด+หูหนวก) คำสั่งสอนของพระเยซูเจ้า รอบรู้เรื่องพระวาจา แต่ไม่ปฏิบัติ
4. การที่บุคคลผู้ประกาศมีชีวิตตามที่บรรยายไว้ในข้อ 1.,2. และ 3. สิ่งที่จะตามมาก็คือ เขาจะเริ่มเบียดเบียนพี่น้องรอบข้าง และจะใช้พี่น้องรอบข้างเป็นเครื่องมือในการแสวงหาสิ่งที่ตัวเองต้องการและกระสันหา ดังนั้นผู้ประกาศแทนที่จะเป็นผู้ปลดปล่อยผู้ถูกกดขี่ให้เป็นอิสระ ผู้ประกาศก็จะกลายเป็นผู้กดขี่ ทำให้พี่น้องกลายเป็นทาสของตัวเองไปโดยอัตโนมัติ และทาสในยุคปัจจุบันยังไม่หมดไป เพราะมีคนประเภทนี้ (คือ อยากได้มันทุกอย่างทั้ง เงินทอง อำนาจ และชื่อเสียง) มากขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้น 5. ผู้จะประกาศปีแห่งความโปรดปรานจากองค์พระผู้เป็นเจ้า คือผู้ที่จะต้องปลดปล่อยตัวเองให้
เป็นอิสระ หลุดพ้นจากการเป็นทาสของทรัพย์สิน เงินทอง อำนาจ และเกียติยศชื่อเสียง ขณะเดียวกันก็ต้องช่วยผู้อื่นให้เป็นอิสระจากการเป็นทาสของ ทรัพย์สินเงินทอง อำนาจและเกียรติยศชื่อเสียง กลับสู่การเจริญชีวิตที่เรียบง่ายและติดดินเฉกเช่น องค์พระเยซูเจ้า และเมตตาธรรมและความรักของพระเจ้าก็จะกลับคืนสู่โลกและสังคมของเรา ปีแห่งเมตตาธรรมก็จะไม่ถูกจำกัดเฉพาะปี 2016 เพียงปีเดียว แต่ปีแห่งเมตตาธรรมจะดำเนินต่อๆไปทุกๆปี จนวันสิ้นโลก