ประกาศกแห่งความรัก
ชีวิตส่วนตัวของประกาศกเยเรมีย์ พอสรุปได้จากหนังสือ “สารานุกรมพระคริสตธรรมคัมภีร์” เขียนโดย ดอน เพล็มมิ่ง
“เยเรมีย์ได้รับการเรียกให้เป็นประกาศกตั้งแต่ท่านมีอายุราว 20 ปี ท่านไม่ได้แต่งงานตลอดชีวิต มีเพื่อนฝูงไม่มาก ครอบครัวเยเรมีย์ไม่ชอบท่าน ชาวบ้านหาทางฆ่าท่าน คนในกรุงเยรูซาเล็มโดยทั่วไปด่าท่าน ท่านถูกพวกเจ้าหน้าที่ฝ่ายศาสนาเยาะเย้ย พวกปุโรหิตไม่ยอมให้ท่านเข้าพระวิหาร และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองวางแผนทำร้ายท่าน…..” (ดูหน้า 459 ของสารานุกรมฯ)
ชีวิตอาภัพอัปภาคย์ แต่พระเป็นเจ้าก็ทรงเรียกใช้ท่าน และแต่งตั้งท่านให้ไปทำงานของพระองค์
พระเป็นเจ้าเรียกท่าน และแต่งตั้งท่านให้เป็นประกาศก
ชีวิตของเราที่เป็นคริสตชนคงไม่แตกต่างจากชีวิตของท่านเยเรมีย์เท่าไรนัก คือมีจุดอ่อนและมีจุดบอดของชีวิต แต่พระเป็นเจ้าก็ยังคงเรียกเราและแต่งตั้งเราเช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงเรียกและแต่งตั้งเยเรมีย์
“ก่อนที่เราปั้นท่านในครรภ์มารดา เราก็รู้จักท่านแล้ว ก่อนที่ท่านจะเกิด เราก็แยกท่านไว้เป็นของเราแล้ว เราแต่งตั้งท่านให้เป็นประกาศกสำหรับนานาชาติ” (เยเรมีย์ บทที่ 1 ข้อ 5)
พระเป็นเจ้าทรงรู้จักเราตั้งแต่ก่อนเราเกิด รู้ว่า เกิดมาแล้วเราจะเป็นคนอย่างไร แต่จะเป็นคนอย่างไรนั้นพระเป็นเจ้าทรงรู้ และทั้งๆที่รู้ก็ยังทรงเรียกและทรงเลือกให้เราเป็นคริสตชน เป็นพระสงฆ์ เป็นนักบวช เป็นผู้ถวายตัว
พระเป็นเจ้าทรงมอบหน้าที่ให้เราแต่ละคนเป็นประกาศกของพระองค์ ตามฐานะชีวิตของเรา เป็นประกาศกทั้งๆที่ชีวิตของเราแต่ละคนเต็มไปด้วยความขาดตกบกพร่อง และมีจุดอ่อน จุดโหว่ของชีวิต
ประกาศกที่พระเป็นเจ้าเรียกให้เราเป็น ท่านนักบุญเปาโลพูดได้อย่างชัดเจนมาก ว่าเราจะต้องเป็นประกาศกอะไร และอย่างไร
“ท่านทั้งหลายจงพยายามแสวงหาพระพรพิเศษที่ประเสริฐยิ่งกว่านี้เถิด ข้าพเจ้าจะขอชี้ทางที่ดีกว่าให้ท่าน” (1โครินธ์ 12:31)
และสิ่งที่ท่านชี้ให้เราเป็นนั้นอยู่ในบทที่ 13 ข้อ 1-13 ท่านชี้ให้เราเป็นประกาศกแห่งความรัก แต่การเป็นประกาศกแห่งความรัก เราต้องกำจัดหรือตัด † ความเลว ออกจากชีวิตของเรา อันได้แก่
1) ความใจร้อน หุนหันพลันแล่น
2) ความขี้เหนียว
3) นิสัยชอบคุยโวโอ้อวด ชอบอวดตัว ชอบเด่นดัง
4) นิสัยความหยิ่งยะโส
5) นิสัยกักขฬะ
6) นิสัยชอบเอาตัวเองเป็นใหญ่ ชอบเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง (Self-Center)
7) การมีอารมณ์เกรี้ยวกราด หรือ อารมณ์ร้อน
8) นิสัยชอบจับผิดคนอื่น รวมทั้งการจำความผิดของผู้อื่น และ คิดแก้แค้นเอาคืน
9) การปล่อยปละละเลย วางเฉยเมื่อเห็นสิ่งที่ผิด ที่กำลังเกิดขึ้น
10)ความอิจฉาตาร้อนเมื่อเห็นคนอื่นได้ดี
11)การจดจำความผิดทุกเรื่องที่ผู้อื่นกระทำแต่กลับมองไม่เห็นความผิดบกพร่องของตัวเอง
12)ความไม่ไว้ใจคนอื่น และคิดว่าตัวเองดีวิเศษอยู่คนเดียว
13)การมองโลกในแง่ลบ อันนำไปสู่การเจริญชีวิตอย่างหดหู่และสิ้นหวัง ป่นทุกเรื่องหงุดหงิดทุกเรื่อง ฯลฯ
ทั้งหมดเป็นคุณสมบัติด้านลบ หรือ เป็นความเลวที่ตรงข้ามกับคุณสมบัติของความรักที่ท่านนักบุญเปาโลกล่าวไว้ใน 1 โครินธ์ บทที่ 13 ข้อ 4 ถึง 7
ใครก็ตามที่บอกว่า ตัวเองเป็นผู้มีความรัก แต่ยังคงมีนิสัยทั้ง 13 ข้อนี้ ก็ถือได้ว่าความรักนั้นเป็นความรักจอมปลอม และตัวผู้นั้นกลายเป็นประกาศกจอมปลอมเช่นเดียวกัน