สวัสดีครับ
สัปดาห์ละครั้ง28 ก.พ. 2016
(ต่อจากสัปดาห์ที่แล้ว)
ประการที่สองการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจและสติปัญญาหลายคนบอกว่าเดี๋ยวนี้ทำไมตนเองโมโหง่ายใจน้อยเก่งกว่าแต่ก่อนอาการนี้นักจิตวิทยาเขาบอกว่าเป็นอาการที่เกิดขึ้นกับคนเราเมื่ออายุมากขึ้นและแสดงออกมากขึ้นเมื่อเข้าสู่วัยชราเพราะจิตสำนึกนั้นจะเกิดอาการกลัวความสำคัญความเก่งของตนเองลดน้อยลงคนจะไม่เห็นและให้ความสำคัญเหมือนเก่าเมื่อตนเองพ้นจากตำแน่งที่เคยมีเคยเป็น
ส่วนอาการทางสติปัญญาซึ่งมีเหตุมาจากสภาพร่างกายด้วยนั้นก็คือจะมีความจำลดน้อยลงลืมง่ายเชื่อว่าหลายคนคงเคยมีประสบการณ์เช่นเดินลงมาหาผู้ร่วมงานตั้งใจจะมาบอกอะไรบางอย่างแต่ระหว่างทางมีเหตุอื่นเข้ามาแทรกนิดเดียวพอมาถึงเพื่อนร่วมงานก็นึกไม่ออกซะแล้วว่าจะมาบอกอะไรบางครั้งหลังอาหารนั่งคิดอยู่ตั้งนานว่าเรากินยาตามที่หมอสั่งหรือยังต้องมาคุ้ยเศษอาหารในจานดูว่ามีแผงยาที่ถูกแกะแล้วในจานหรือเปล่า(อันนี้เป็นประสบการณ์ตรงของผมเอง) หรือบางทีลงจากรถปิดประตูแล้วเดินไปได้สัก10-20 เมตรต้องกลับมาที่รถใหม่เพราะไม่แน่ใจว่าล็อครถหรือยังบางครั้งจำชื่อคนชื่อเพื่อนไม่ได้ทั้งๆที่เคยสนิทร่วมงานร่วมการกันมานึกอยู่เป็นนานสองนานกว่าจะนึกออก
ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นดังกล่าวทั้งสองประการนี้มันหมายถึงชื่อบทความนี้ที่บอกว่า“มันมากับกาลเวลา”หรือจะพูดให้ตรงๆคือ“มันมากับความแก่”นั่นแหละแต่ถ้าบอกตรงๆอย่างนี้คนจะไม่ชอบฟังเท่าไหร่ยิ่งสุภาพสตรีด้วยยิ่งต้องระวังจะถูก“ค้อน”ขว้างใส่เอา
คราวนี้จะทำอย่างไรบอกได้ประการเดียวว่า“ต้องรับความเป็นจริง”อยู่กับความจริงเพราะสังขารย่อมผุพังเป็นธรรมดาแม้ว่าหลายคนจะลงทุนลงทรัพย์เป็นแสนเป็นล้านทำได้ดีที่สุดก็เพียงชะลอความชราไปได้นิดหน่อยบางคนไปทำหน้าทำตาด้วยวิธีการสารพัดไม่ว่าจะเป็นผ่าตัดร้อยไหมใช้ยาทั้งสมุนไพรและแผนปัจจุบันหนที่สุดก็จบลงทั้งนั้นเคยเห็นสุภาพสตรีท่านหนึ่งไปร้อยไหมมาตอนแรกก็ออกมาดูอ่อนกว่าวัยจริงๆแต่ผ่านไป2-3 ปีไม่รู้ว่าไหมหมดอายุหรือเปล่าปัจจุบันดูแก่กว่าวัยไปสัก4-5 ปีเลย
จึงอยากจะบอกว่าอายุป่านนี้แล้วดูแลรักษาสุขภาพดีๆออกกำลังกายรับประทานอาหารให้ครบหมู่ทำจิตใจให้สบายรับความจริงสงบจิตใจฟังธรรมนำพระวาจามารำพึงบ้างภาวนาขอพระอย่าให้ต้องเจ็บไข้ได้ป่วยจนต้องนอนติดเตียงถ้าเป็นที่พอพระทัยสุดแล้วแต่น้ำพระทัยพูดง่ายๆก็คือเตรียมตัว“ตาย” ดีๆดังคำที่คุ้นหูกันอยู่นั้นคือ“ขอให้ตายในศีลในพรของพระ” นั่นเอง… สวัสดีครับ.