• หน้าแรก
  • เกี่ยวกับอาสนวิหาร
    • ประวัติอาสนวิหารอัสสัมชัญ
    • สถาปัตยกรรม
    • บรรณฐาน
    • ภาษาลาตินในวัด
    • กระจกสี / stained-glass
    • รูปนักบุญ / saint sculpture
  • บริการต่างๆ
    • ล้างบาปทารก / Baptisms
    • การถ่ายภาพ / Take pictures
    • แต่งงาน / wedding
  • ติดต่อสอบถาม/Contact us
  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับอาสนวิหาร
    • ประวัติอาสนวิหารอัสสัมชัญ
    • สถาปัตยกรรม
    • บรรณฐาน
    • ภาษาลาตินในวัด
    • กระจกสี / stained-glass
    • รูปนักบุญ / saint sculpture
  • บริการต่างๆ
    • ล้างบาปทารก / Baptisms
    • การถ่ายภาพ / Take pictures
    • แต่งงาน / wedding
  • ติดต่อสอบถาม/Contact us

2016-03-06 “เสียงบ่นตำหนิติติงของมนุษย์เรา”

สวัสดีครับ

สัปดาห์ละครั้ง6 มี.ค.2016

จากประสบการณ์ในชีวิตที่ผ่านมาหลายสิบปีทำให้เข้าใจสัจธรรมความเป็นจริงที่เกิดขึ้นมากมายหลายอย่างวันนี้อยากจะยกมาเล่าสู่กันฟังสักเรื่องหนึ่งนั่นก็คือ“เสียงบ่นตำหนิติติงของมนุษย์เรา”

          อันว่าเสียงบ่นตำหนิติติงดังกล่าวนี้ไม่ว่าจะเป็นประเด็นอะไรก็ตามสาเหตุที่ทำให้มีเสียงบ่นนั้นมันมาจากความไม่พอใจไม่ถูกใจไม่เป็นไปตามที่หวังคือไม่สมหวังนั่นแหละ

          ครั้นมาไตร่ตรองดูเรื่องที่บ่นกันนั้นก็พอจะจำแนกเป็นชุดๆแตกต่างกันออกไปชุดแรกมาจากเรื่องราวความเดือดร้อนหรือผลที่เกิดมาจากธรรมชาติเช่นบ่นเรื่องดินฟ้าอากาศอากาศร้อนอากาศหนาวหรือฝนตกแดดออกเพราะบางคนชอบฝนตกก็บอกว่าชุ่มฉ่ำเย็นดีคนที่ไม่ชอบก็บอกว่ารำคาญไปไหนมาไหนลำบากเฉอะแฉะเลอะเทอะบางครั้งต้องเป็นหวัดเป็นไข้จนมีคำตำหนิคนกลุ่มนี้ว่า“…มนุษย์ขี้เหม็นเคี่ยวเข็ญเทวดา”เพราะพวกนี้ชอบโทษธรรมชาติยกให้เป็นความผิดของเทวดาไปซะอีก

          ชุดที่สองมาจากตนเองคือเกิดอาการผิดปกติกับตัวเองเช่นมีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียนหรือมีความพิการบางอย่างไม่ว่าจะเป็นขาเป๋จมูกโหว่หูตาฝ้าฟางฯลฯหลายครั้งจึงรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจบ่นว่าพระเป็นเจ้าว่าไม่ยุติธรรมทำไมถึงต้องให้เกิดอย่างนี้กับตนเองพูดง่ายๆก็คือทำใจไม่ได้

          ชุดที่สามมาจากผู้อื่นคือคนอื่นทำขัดใจไม่ตามใจหรือถูกด่าถูกว่าถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจรับไม่ได้กับการกระทำและคำพูดของคนนี้คนนั้นทำไมเขาถึงคิดอย่างนี้ทำอย่างนั้นลูกหลานทำไมมันดื้อรั้นไม่เชื่อไม่ฟังทำไมพ่อแม่ปู่ย่าตายายไม่รักฉันไม่ทำสิ่งนี้สิ่งนั้นให้ฉันไอ้เพื่อนคนนั้นทำไมมันนินทาฉันว่าฉันฯลฯ

          สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นมันคือความจริงที่เกิดขึ้นกับทุกคนไม่ว่าใครทั้งสิ้นเพราะทุกคนมีประสบการณ์ตรงกับเรื่องเหล่านี้เมื่อเป็นเช่นนี้เราจะเป็นทุกข์หรือไม่มันจึงอยู่ที่ตัวเราแต่ละคนเพราะเราคงห้ามเสียงบ่นตำหนิติเตียนไม่ได้คือเราจะมีท่าทีความรู้สึกนึกคิดอย่างไรกับมันถ้าหากใครเข้าใจว่านี่คือ“สัจธรรม” ของชีวิตต้องพบกับมันอยู่ทุกวันสามารถเข้าใจและทำใจกับมันได้ก็จะไม่วิตกกังวลอะไรมากนักจะมีสติมีเหตุมีผลพิจารณาไตร่ตรองดีๆถ้าพบว่าเสียงบ่นคำตำหนิติเตียนนั้นมันมีส่วนจริงอยู่บ้างเราก็ต้องนำมาปรับปรุงแก้ไขหรือถ้ามันไม่จริงเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็พูดก็คุยทำความเข้าใจกันอย่าไปตกอยู่ในความโกรธเพราะจะทำให้เกิดทุกข์กับตนเอง

          สรุปว่าเราต้องอยู่กับความจริงยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเราไม่ว่าจะมาจากเหตุใดก็ตามและพยายามตั้งสติหาวิธีแก้ไขหรือทำใจไม่ถือโทษโกรธเคือง… ยกโทษให้อภัยถ้าทำได้อย่างนี้ชีวิตมันจะน่าอยู่ขึ้นเยอะ… สวัสดีครับ.

เกี่ยวกับวัดฯ

  • ประวัติอาสนวิหาร
  • แม่พระอัสสัมชัญ
  • บรรณฐาน
  • สถาปัตยกรรม
  • กระจกสี
  • ภาษาลาตินในวัด

บริการต่างๆ

  • ล้างบาปทารก / Baptisms
  • แต่งงาน / Wedding
  • การขออนุญาตถ่ายภาพ

สารวัดย้อนหลัง

  • บทสนทนาจากเจ้าอาวาส
  • คิดสักนิด...สะกิดใจ...
  • ปลัดแก่ ซอย40
  • ปี 2012

บุคลากร/องค์กรต่างๆในวัด

  • พระสงฆ์
  • สำนักงานวัด
  • สภาภิบาล
  • นักขับร้อง
  • สโมสรเยาวชน

ลิงค์คาทอลิก

  • สภาสังฆราชคาทอลิกประเทศไทย
  • อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
  • หอจดหมายเหตุ อัครสังฆมณฑลฯ
  • สื่อมวลชนคาทอลิกประเทศไทย
Facebook-f Youtube