สวัสดีครับ
สัปดาห์ละครั้ง 12 มิ.ย. 2016
สัปดาห์นี้ขอกล่าวถึงเรื่องที่ติดค้างจากสัปดาห์ที่แล้วคือเรื่อง“ความสุขที่แท้จริง”ตามที่องค์พระเยซูทรงสอนไว้ในบทเทศน์ของพระองค์บนภูเขา(มธ. 5:1-12) หรือที่เราคุ้นเคยกันในเรื่อง“บุญลาภ8 ประการ” ซึ่งมีข้อความดังนี้
ผู้มีใจยากจน ย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา
ผู้เป็นทุกข์โศกเศร้า ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับการปลอบโยน
ผู้มีใจอ่อนโยน ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับแผ่นดินเป็นมรดก
ผู้หิวกระหายความชอบธรรม ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะอิ่ม
ผู้มีใจเมตตา ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับพระเมตตา
ผู้มีใจบริสุทธิ์ ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้เห็นพระเจ้า
ผู้สร้างสันติ ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้า
ผู้ถูกเบียดเบียนข่มเหงเพราะความชอบธรรม ย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา…”
จากบทสอนที่พระองค์ทรงสอนบรรดาประชาชนเมื่อ2000 ปีแล้วยังคงเป็นวิธีการที่จะก่อให้เกิดความสุขที่แท้จริงในปัจจุบันและถ้าเรารำพึงพิจารณาดูบทสอนของพระองค์นี้ดีๆจะพบว่าสิ่งที่ต้องกระทำเพื่อให้เกิดความสุขได้นั้นก็คือชีวิตแห่งคุณธรรมต่างๆที่ต้องมีซึ่งมีแท้แล้วมันคือกิจการอันสืบเนื่องมาจาก“ความรัก”นั่นเองสามารถพูดได้ว่าเมื่อพระองค์ทรงสอนบัญญัติสำคัญคือรักพระและรักมนุษย์แล้วพระองค์ทรงชี้ให้เห็นถึงกิจการของความรักให้ด้วยไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการไม่ฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยการที่จะต้องร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเพื่อนพี่น้องการที่จะต้องรู้จักมีความสุขภาพอ่อนโยนการมีความยุติธรรมทั้งต่อตนเองและผู้อื่นการมีจิตใจเมตตาอารีเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่การมีความซื่อสัตย์ไม่ทุจริตโกหกหลอกลวงการรู้จักที่จะทำให้เกิดความรักความเป็นหนึ่งเดียวกันในทุกระดับและให้รู้จักอดทนต่อความทุกข์ยากแม้จะถูกเบียดเบียนว่าร้ายให้รู้จักอภัยฯลฯ
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้คือหนทางแห่งความสุขที่แท้จริงตามแนวทางที่องค์พระเยซูทรงสอนเราแน่นอนว่าเป็นเรื่องของการออกแรงพยายามฝึกฝนจนเป็นนิสัยเป็นชีวิตจริงๆเพราะการมีความสุขที่แท้จริงยั่งยืนนั้นที่สุดแล้วคือการได้อยู่กับพระเป็นเจ้าเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ดังคำในวรรคสุดท้ายของทั้ง8 ประการของบทเทศน์บนภูเขานั่นเอง
ในเวลาเดียวกันถ้าหากเราจะทบทวนดูว่าแล้วความทุกข์ยากที่มันเกิดขึ้นในชีวิตในสังคมในบ้านของเราทั้งหลายทั้งปวงนั้นมันมีสาเหตุจากอะไรเราจะพบว่ามนุษย์เรายังไม่สามารถที่จะมีความรักมีคุณธรรมต่างๆที่กล่าวไปแล้วนี้เท่าที่ควร
สรุปแล้วในอกในใจเราจะมีสวรรค์หรือมีนรกดังกล่าวตั้งแต่แรกเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า“สวรรค์ในอกนรกในใจ” นั้นจึงเป็นของเราแต่ละคนที่จะสร้างมันขึ้นมาเองไม่มีใครจะสร้างให้เราได้ทั้งนี้ต้องอาศัยความรักและพระเมตตาของพระเป็นเจ้าเสมอ… สวัสดีครับ.