สวัสดีครับ
สัปดาห์ละครั้ง อาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม 2016
สมัยก่อนก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเวลาที่จะกินยาน้ำที่บรรจุในขวดยาจะเห็นเขาเขียนเป็นตัวสีแดงไว้ข้างขวดว่า“เขย่าขวดก่อนดื่ม”ต่อมาภายหลังจึงเข้าใจว่าเขาต้องการให้ตัวยาในขวดนั้นมันตื่นขึ้นมาเพราะถ้าเป็นยาน้ำหลายครั้งตัวยาจะตกตะกอนนอนอยู่ก้นขวดก็เป็นได้และหลายครั้งก็มองไม่เห็นเสียด้วยเพราะถ้าไม่ทำเช่นนี้ตัวยาก็จะไม่เข้าสู่ร่างกายจะดื่มได้เพียงน้ำเท่านั้น…
เรื่องนี้น่าจะประยุกต์ได้กับการเจริญชีวิตของคนเราในทุกๆวันกล่าวคือการที่เราจะต้องกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้นเราจะต้องทำด้วยความรู้ตัวมีสติต้องตื่นตัวเสียก่อนกิจการหรือการกระทำนั้นจึงเกิดผลตามวัตถุประสงค์
คนเราในปัจจุบันมีอยู่มากมายที่ทำสิ่งต่างๆโดย“ขาดสติ” ขาดเหตุผลขาดความระมัดระวังเมื่อเป็นเช่นนี้จึงก่อให้เกิดผลเสียหายตามมาอย่างใหญ่หลวง
อาการ“ขาดสติ”ของคนเรานั้นมีสาเหตุมาจากหลายประการที่เห็นกันอยู่เป็นประจำก็คือใจร้อนโกรธง่ายโมโหง่ายบันดาลโทสะกระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดโดยไม่ยั้งคิด… บางครั้งถึงกับรบราฆ่าฟันกันจนถึงตายก็มีอีกประการหนึ่งที่ทำให้ขาดสติก็คือการเสพยาเสพติดหรือเรียกว่า“เมายา”มีให้เห็นอยู่เป็นประจำในหัวข้อข่าวต่างๆและที่เห็นบ่อยอีกอย่างก็คือ“เมาเหล้า” อันนี้ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายมากมายเป็นต้นเรื่องของการขับรถขณะที่ยังมึนเมา(ทั้งเมายาและเมาเหล้า) จนทางตำรวจต้องออกกฎออกระเบียบมาใช้บังคับอย่างจริงจัง(ส่วนจะจริงจังแค่ไหนยังตอบไม่ได้) จนมีคำขวัญติดปากติดหูว่า“เมาไม่ขับ”
พูดถึงการ“รู้สติ”จึงมีความสำคัญมากสำหรับการดำเนินชีวิตของมนุษย์เราและถ้าจะพูดไปแล้วในบรรดาสิ่งสร้างทั้งหลายของพระเป็นเจ้าในโลกนี้ก็มีมนุษย์เรานี่แหละที่มีสติมีความรู้ตัวมีความคิดมีปัญญาที่จะควบคุมตนเองได้รู้จักใช้เหตุใช้ผลซึ่งสรรพสัตว์อื่นๆไม่มีมนุษย์จึงเป็นสิ่งสร้างพิเศษสุดของพระเป็นเจ้า
หรือถ้าจะไตร่ตรองกันให้ดีๆจะเห็นว่าปัญหาความเดือดร้อนความทุกข์ยากต่างๆสงครามการทะเลาะเบาะแว้งฯลฯก็มาจากมนุษย์ด้วยเช่นกันกล่าวคือมาจากมนุษย์ที่ขาดสติมีความบกพร่องทางความคิดทางมโนธรรมคุณธรรมศีลธรรมขาดความรักทั้งสิ้นเหมือนกัน
วันนี้จึงอยากเชิญชวนให้เราท่านทั้งหลาย“เขย่าขวดก่อนกินยา”หมายถึงทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยสติมีจิตสำนึกเสมอ… สวัสดีครับ.