สวัสดีครับ
สัปดาห์ละครั้งอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม 2016
เหลือเวลาอีกไม่ถึง1 เดือนประชาชนชาวไทยก็จะต้องไปใช้สิทธิ์ในการ“ลงประชามติ”รับ-ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญกล่าวคือวันตัดสินโดยประชาชนจะกระทำในวันอาทิตย์ที่7 สิงหาคม2559
มีการรณรงค์ให้ประชาชนผู้มีสิทธิ์ทั้งหลายอย่านอนหลับทับสิทธิ์ทำเป็น“ทองไม่รู้ร้อน” แต่ให้ทุกคนตระหนักในหลักความเป็นประชาธิปไตยที่จะต้องมีสิทธิ์มีเสียงและสำคัญต้องใช้สิทธิ์ใช้เสียงของตนเองมันเป็นเรื่องของ“เอกสิทธิ์”คือสิทธิ์เฉพาะของตนเองหมายความถึงการคิดพิจารณาตัดสินใจด้วยตัวเองปราศจากการชี้นำหรือบังคับจากบุคคลใดหมู่คณะใดทั้งสิ้น
การคิดพิจารณาตัดสินใจนั้นที่สำคัญที่สุดก็คือก่อนจะคิดพิจารณาจำเป็นต้องรู้ข้อมูลให้ทั่วถึงคลอบคลุมอย่างแท้จริงเสียก่อนดังนั้นเราจำเป็นต้องแสวงหาเนื้อหาสาระของรัฐธรรมนูญที่จะพิจารณาให้ดีเชื่อว่าคงจะหาได้ไม่ยากนักทั้งที่รัฐฯทำเป็นเอกสารแจกให้หรือสามารถหาดูได้จากเว็บไซต์ต่างๆทางอินเตอร์เน็ตและระวังว่าต้องดูข้อมูลเนื้อหาสาระให้ครบถ้วน
อย่างไรก็ตามคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ออกประกาศเรื่อง“หลักเกณฑ์และวิธีการแสดงความคิดเห็นในการออกเสียงประชามติพ.ศ.2559”ซึ่งได้ลงในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่2 พฤษภาคม2559 เล่มที่133 ตอนที่39 กหน้าที่11 ตามประกาศนั้นเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบถึงวิธีการปฏิบัติในการประชาสัมพันธ์ที่ถูกต้องไม่ผิดกฎหมายเลือกตั้งโดยกำหนดเป็นแนวทางไว้ดังนี้
ข้อ๔ในการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการออกเสียงบุคคลสามารถดำเนินการด้วยวิธีการที่ไม่มีลักษณะผิดไปจากข้อเท็จจริงรุนแรงก้าวร้าวหยาบคายปลุกระดมหรือข่มขู่และไม่ขัดต่อกฎหมายอื่นเช่น
(๑) ศึกษาค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญและประเด็นเพิ่มเติมให้เข้าใจอย่างครบถ้วนจากเว็บไซต์สื่อสิ่งพิมพ์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการแสดงความคิดเห็นของตน
(๒) แสดงความคิดเห็นโดยใช้ถ้อยคำที่สุภาพ
(๓) แสดงความคิดเห็นด้วยข้อมูลที่มีความชัดเจนไม่กํากวมอันอาจทำให้บุคคลอื่นเห็นว่าเป็นการบิดเบือนไปจากข้อเท็จจริง
(๔) การนําเสนอหรืออ้างอิงงานวิจัยตามหลักวิชาการเพื่อประกอบการแสดงความคิดเห็นให้ผู้มีสิทธิออกเสียงบุคคลนั้นควรตรวจสอบความถูกต้องและแสดงที่มาของงานวิจัยนั้นด้วย
(๕) การสัมภาษณ์ผ่านสื่อเพื่อแสดงความคิดเห็นพร้อมเหตุผลอย่างใดอย่างหนึ่งของตน
(๖) การนําเข้าข้อมูลเกี่ยวกับความคิดเห็นพร้อมเหตุผลอย่างใดอย่างหนึ่งของตนในเว็บไซต์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือการส่งต่อข้อมูลดังกล่าวโดยไม่มีการเพิ่มเติมความเห็น
ข้อ๕ ในการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการออกเสียงห้ามมิให้บุคคลกระทําการเพื่อให้ผู้มีสิทธิออกเสียงไม่ไปใช้สิทธิออกเสียงหรือออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่ออกเสียงหรือเพื่อให้สําคัญผิดในวันเวลาที่ออกเสียงหรือวิธีการลงคะแนนออกเสียงด้วยวิธีการดังนี้
(๑) การสัมภาษณ์ผ่านสื่อด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือมีลักษณะรุนแรงก้าวร้าวหยาบคายปลุกระดมหรือข่มขู่
(๒) การนําเข้าหรือการส่งต่อข้อมูลอันเป็นเท็จหรือมีลักษณะรุนแรงก้าวร้าวหยาบคายปลุกระดมหรือข่มขู่ในเว็บไซต์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์
(๓) การทําหรือส่งสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายอันมีลักษณะรุนแรงก้าวร้าวหยาบคายปลุกระดมหรือข่มขู่
(๔) การจัดเวทีสัมมนาอภิปรายโดยกลุ่มองค์กรต่างๆที่ไม่มีหน่วยงานของรัฐสถาบันการศึกษาหรือองค์กรที่ประกอบกิจการด้านสื่อสารมวลชนตามกฎหมายเข้าร่วมและมีเจตนาเพื่อปลุกระดมทางการเมือง
(๕) การชักชวนให้ใส่เสื้อหรือติดป้ายเข็มกลัดธงริบบิ้นหรือเครื่องหมายที่แสดงสัญลักษณ์ความเห็นอย่างใดอย่างหนึ่งหรือการขายการแจกจ่ายสิ่งของดังกล่าวในลักษณะรณรงค์ทั่วไปเพื่อนําไปสู่การปลุกระดมทางการเมือง
(๖) การแจกเอกสารใบปลิวหรือแผ่นพับที่มีข้อความอันเป็นเท็จหรือมีลักษณะรุนแรงก้าวร้าวหยาบคายปลุกระดมหรือข่มขู่เพื่อก่อความวุ่นวายหรือการชุมนุมทางการเมือง
(๗) การรายงานข่าวหรือการจัดรายการของสื่อมวลชนที่นําไปสู่การปลุกระดมหรือสร้างความวุ่นวายในสังคม
(๘) การรณรงค์เพื่อให้เกิดการคล้อยตามของคนในสังคมเพื่อให้ออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่งอันมีลักษณะเป็นการปลุกระดมหรือขัดขวางการออกเสียง
สำหรับเราที่เป็นคริสตชนไทยมีสิทธิและหน้าที่ของพลเมืองไทยเต็มร้อยเหมือนคนไทยโดยทั่วไปการออกไปใช้สิทธิ์ใช้เสียงจึงเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องรับผิดชอบกระทำให้ครบถ้วนและในเวลาเดียวกันเราก็มีหน้าที่ที่จะรณรงค์ให้มีการใช้สิทธิ์ใช้เสียงอย่างเต็มที่ในสังคมรอบข้างของเราด้วยแต่ต้องระวังไม่ทำผิดกฎหมายผิดระเบียบที่ได้กำหนดไว้จึงขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนทำหน้าที่“คนไทย100 เปอร์เซ็นต์”ในการออกเสียงลงประชามติฯในวันที่7 สิงหาคม2559 นี้… สวัสดีครับ