พี่น้องครับวันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วพบกันอีกครั้งกับคอลัมน์“คิดสักนิด..สะกิดใจ”หลายวันก่อนพ่อได้มีโอกาสอ่านบทความเกี่ยวกับบุคคลสำคัญของอเมริกาท่านหนึ่งนามว่าโทมัสเอดิสัน(Thomas Edison)นักประดิษฐ์และนักธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ซึ่งสร้างแรงบันดาลในการดำเนินชีวิตแก่พวกเขาว่าทัศนคติและมุมมองชีวิตในแง่บวกสามารถสร้างความสำเร็จในชีวิตให้แก่เราได้
แม้ในความจริงหลายคนที่เคยอ่านเรื่องราวของเอดิสันอาจพบว่าแท้จริงท่านอาจจะไม่ได้เป็นผู้คิดค้นหลอดไฟเป็นคนแรกแต่ท่านก็เป็นบุคคลหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญกับผลงานความสำเร็จของนิโคลัสเทลล่า(Nicolas Tesla) ผู้ประดิษฐ์หลอดไฟฟ้าให้กับเราใช้กันในทุกวันนี้
วัยเด็กโทมัสเอดิสันเริ่มเรียนเป็นครั้งแรกชั้นประถมในโรงเรียนพอร์ตฮูรอนของรัฐมิชิแกนครูประจำวันของท่านบ่นว่าเด็กชายเอดิสันเป็นเดีกที่เรียนรู้ได้ช้ามากและอาจสอบตกได้เพราะเรียนตามเพื่อไม่ทันมารดาของเอดิสันจึงตัดสินใจพาท่านออกจากโรงเรียนและสอนท่านเองต่อที่บ้าน
แต่ในความล้มเหลวนี้เอดิสันกลับมีความโดดเด่นและหลงใหลในทางวิทยาศาสตร์เป็นอย่างมากพออายุได้10 ปีท่านสามารถสร้างห้องทดลองเคมีของท่านสำเร็จเป็นครั้งแรกและสามารถสร้างสิ่งประดิษฐ์ได้มากกว่า3,000 ชิ้นด้วยพลังที่ไม่มีวันหมดและความอัจฉริยะในตัวท่านซึ่งท่านมักจะกล่าวอยู่เสมอว่าเคล็ดลับของความสำเร็จในการทำงานคือแรงบันดาลใจ1% และหยาดเหงื่อแรงงาน99%
ครั้งหนี่งมีนักข่าวคนหนึ่งถามเอดิสันว่า“ท่านรู้สึกอย่างไรกับความล้มเหลวหลายต่อหลายครั้ง“ท่านตอบว่า“ผมไม่เคยล้มเหลวเลยสักครั้งเดียวแต่มันเป็นเพียงแค่กระบวนการในการทดลอง25,000 ครั้งเท่านั้น” และด้วยคำพูดที่แสดงออกถึงความมุ่งมั่นพยายามและการไม่ย่อท้อต่อปัญหาอุปสรรคเช่นนี้เคยมีการทดลองเลี้ยงปลาในตู้กระจกซึ่งสนับสนุนคำพูดของเอดิสันได้อย่างชัดเจน
ชายคนหนึ่งได้นำปลาพาร์คใส่ในตู้เลี้ยงปลาพร้อมลูกปลาพันธุ์อื่นๆครั้งแรกเจ้าปลาพาร์คก็กินลูกปลาจนหมดจากนั้นเขาจะนำกระจกมากั้นตรงกลางระหว่างปลาพาร์คและลูกปลาครั้งนี้เจ้าปลาพาร์คก็จะไปกินลูกปลาตามปกติแต่เมื่อมันว่ายไปปรากฏว่าไปชนกระจกว่ายไปก็ชนกระจกเป็น10-20 ครั้งเจ้าปลาพาร์คจึงเกิดการเรียนรู้ใหม่
จากนั้นเมื่อเขานำกระจกออกผลปรากฎว่าเจ้าปลาพาร์คก็ยังคงว่ายไปว่ายมาแค่สุดเขตที่เคยมีกระจกอยู่เท่านั้นแต่มันจะไม่ว่ายข้ามไปกินลูกปลาอีกเลยซึ่งในความเป็นจริงถ้ามันใช้ความพยายามอีกนิดเดียวมันก็จะได้กินลูกปลาแล้ว
เพราะฉะนั้นพี่น้องครับอุปสรรคยิ่งใหญ่ต่อความสำเร็จของเราก็คือการท้อถอยและล้มเลิกกลางคันหลายคนเกือบประสบความสำเร็จได้แล้วแต่ก็มาเลิกล้มเสียก่อนเลยทำให้เสียเวลาเสียโอกาสและเสียเป้าหมายที่ตนเองกำหนดไว้ดังนั้นทุกครั้งที่เราจะทำอะไรซักอย่างหนึ่งขอให้เราทำอย่างเต็มกำลังความสามารถอย่าทำอะไรแบบครึ่งๆกลางๆเพราะทุกความพยายามอาจไม่ทำให้เกิดความสำเร็จแต่ทุกความสำเร็จต้องเกิดจากความพยายาม