สวัสดีครับ
สัปดาห์ละครั้ง อาทิตย์ที่ 18 กันยายน 2559
เดือนกันยายนมีวันฉลองสำคัญไม่มากนักที่คุ้นเคยกันหน่อยก็เห็นจะได้แก่วันที่8 ฉลองแม่พระบังเกิดดูเหมือนจะมีความหมายเป็นพิเศษกับคณะพลมารีย์เพราะแทบทุกเปรซีเดียมจะมีฉลองมีมอบช่อดอกไม้บางแห่งก็ถือโอกาส“ตัดเค้ก” แฮปปี้เบิร์ดเดย์ให้แม่พระส่วนเค้กนั้นทหารของแม่พระก็แบ่งกันอิ่มอร่อย… ได้บุญกันไป… นับว่าเป็นบรรยากาศของความรักอบอุ่นเป็นหนึ่งเดียวกัน
วันที่14 ฉลองเทิดทูนไม้กางเขนถือเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งวัดซางตาครู้สกุฎีจีนจะมีงานฉลองประจำปีต้องบอกว่าเป็นเวลากว่า100 ปีมาแล้ววันนี้จึงอยากจะเชิญท่านทั้งหลายมาพิจารณาดู“กางเขน” กันสักหน่อย…
เมื่อเห็นรูปกางเขนความคิดของทุกคนไม่ว่าจะนับถือศาสนาไหนก็จะทำให้คิดถึงศาสนาคริสต์แม้บางครั้งคนที่สวมใส่กางเขนนั้นจะไม่ใช่คริสตชนก็ตามเพราะดูเหมือนว่า“กางเขน” กลับกลายเป็นเครื่องประดับไปแล้วเช่นมีหลายคนทำเป็นต่างหูนำไปใส่สายสร้อยแขวนไว้ที่คอเป็นเครื่องประดับหรือบางคนก็นำไปประกอบกับสร้อยข้อมือก็มีมีเหมือนกันนำไปห้อยไว้ในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสมซึ่งเราต้องชี้แจ้งและบอกกล่าวกันด้วย
สำหรับเราคริสตชนไม่ว่านิกายใดจะเข้าใจตรงกันว่ากางเขนคือเครื่องหมายที่หมายถึงชีวิตขององค์พระเยซูเจ้าคิดถึงการรับทนทรมานของพระองค์ที่ต้องแบกกางเขน(เครื่องประหาร) ขึ้นไปยังภูเขากัลวาริโอและยิ่งกว่านั้นยังคิดถึงชัยชนะของพระเยซูในการกระทำพระภารกิจของพระองค์ที่ได้รับมอบหมายจากพระบิดาให้เสด็จมาในโลกนี้เพื่อกอบกู้มนุษย์ชาติ
ด้วยเหตุนี้เราจึงให้ความหมายของกางเขนเป็นเครื่องหมายของความรักที่พระเป็นเจ้าทรงมีต่อเราด้วยการมอบพระองค์เองเป็นค่าไถ่เราทุกคนจากบาปและความตายกางเขนจึงเป็นเรื่องของชีวิตมนุษย์เราที่มีทั้งความทุกข์และความสุขชีวิตจึงต้องมีความหวังในพระเมตตาของพระเป็นเจ้าที่ทรงประทานให้เราเพื่อการดำเนินชีวิตในโลกนี้จะดำเนินไปเช่นเดียวกับองค์พระเยซูเจ้านั่นคือชีวิตแห่งทางกางเขนและที่ปลายทางนั้นคือการกลับคืนชีพอย่างรุ่งโรจน์เหมือนกับพระองค์และเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ตลอดไป
สุดท้ายจึงอยากจะบอกว่าทุกครั้งที่เรามองเห็น“กางเขน”เราต้องมองให้ทะลุถึง“ความรัก”อันยิ่งใหญ่ที่พระองค์ทรงมีให้เราหรือทำนองเดียวกันเวลาที่เราทำสำคัญมหากางเขน(ทำเดชะพระนาม) ขอให้ทำอย่างดีมีสติรู้ตัวเสมอเพราะขณะนั้นเรากำลัง“ทักทาย”กับพระเป็นเจ้า(พระบิดาพระบุตรและพระจิต)… สวัสดีครับ