สวัสดีครับพี่น้องที่รักเผลอนิดเดียวเราก็มาถึงอาทิตย์ที่สามเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าแล้วและอีกไม่กี่สัปดาห์เราก็จะเข้าสู่วันสมโภชพระคริสตสมภพซึ่งเป็นวันที่มีคุณค่าอย่างมากสำหรับพวกเราในเดือนนี้เราจึงมีกิจกรรมต่างๆมากมายไม่ว่าจะเป็นการจับจ่ายใช้สอยการให้ของขวัญการส่งการ์ดความสุขการอวยพรและการเตรียมตัวไปเที่ยวพักผ่อนกันในช่วงสิ้นปีซึ่งสำหรับพ่อถือว่าเป็นเรื่องที่ดีนะครับที่เราจะได้มีเวลาพักกายพักใจจากเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา
วันอาทิตย์สัปดาห์ที่3 ของเทศกาลนี้พระศาสนจักรยังเชิญชวนให้เราพิจารณาไตร่ตรองเกี่ยวกับความชื่นชมที่พระบุตรของพระเจ้าจะเสด็จลงมาบังเกิดเป็นมนุษย์ประทับอยู่ท่ามกลางเราซึ่งพระศาสนจักรจะเรียกวันนี้ว่า“วันอาทิตย์แห่งความชื่นชมยินดี” (Gaudete Sunday)โดยคำว่า“Gaudete”เป็นคำภาษาลาตินที่แปลว่า“จงร่าเริงยินดีหรือจงชื่นชมยินดี”เพราะฉะนั้นในอาทิตย์นี้เราจึงอาจเห็นพระสงฆ์ใส่อาภรณ์สีกุหลาบหรือชมพูหรืออาจมีเทียนสีชมพูเล่มที่3 จุดส่องสว่างอยู่ข้างพระแท่นเป็นสีแห่งความชื่นชมยินดีหรือความชื่นบานแทนสีม่วงซึ่งเป็นสีแห่งการเป็นทุกข์กลับใจแล้วทำไมเราต้องชื่นชมยินดี? ก็เพราะว่าอีกไม่กี่วันพระบุตรของพระเจ้าจะเสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์เพื่อช่วยเราทุกคนให้รอดพ้นแล้วดังนั้นพระวาจาของพระเจ้าในอาทิตย์นี้จึงบอกให้เรารู้จักชื่นชนยินดีด้วยความหวังดังที่นักบุญยากอบที่เตือนใจเราว่า“จงมีความพากเพียรและทำจิตใจให้เข้มแข็งเพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าใกล้เสด็จมาแล้ว” อย่าท้อถอยอย่าสิ้นหวังจนเลิกรอคอยกันไปเพราะพระเจ้าทรงรักษาพระสัญญาที่พระองค์มีต่อมนุษย์อย่างแน่นอนและบทพระวรสารที่เรียกร้องให้เราเข้าสู่สถานการณ์ใหม่แห่งความชื่นชมยินดีความรอดพ้นและการปกครองขององค์พระคริสตเจ้าดังคำพูดของพระเยซูเจ้าทรงกล่าวว่าเวลาแห่งความรอดพ้นมาถึงแล้ว“จงไปบอกยอห์นถึงสิ่งที่ท่านได้ยินและได้เห็นคนตาบอดกลับแลเห็นคนง่อยเดินได้คนโรคเรื้อนหายจากโรคคนหูหนวกกลับได้ยินคนตายกลับคืนชีพและคนยากจนได้รับการประกาศข่าวดี”
ดังนั้นพี่น้องครับสิ่งสำคัญที่สุดที่เราควรกระทำเพื่อการรอคอยด้วยความชื่นชมยินดีที่พระเจ้ากำลังเสด็จมาช่วยเราให้รอดพ้นก็คือเปิดใจต้อนรับพระคริสตเจ้าลงมือกระทำด้วยการละทิ้งกิจการแห่งความชั่วร้ายต่างๆและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเราอย่ามั่วรอช้ามั่วแต่คิดหรือมีความความตั้งใจแต่ไม่ลงมือกระทำหรือมั่วแต่คอยมองดูคนอื่นทำและคอยวิพากวิจารณ์เพราะการทำแบบนี้ไม่ได้มีคุณค่าอะไรพ่อชอบเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับคริสโตเฟอร์โคลัมบัสที่เล่ากันว่า
เมื่อโคลัมบัสกลับมาจากการเดินทางกษัตริย์สเปนได้จัดงานเลี้ยงฉลองในความสำเร็จของท่านขุนนางที่รู้สึกไม่พอใจและหมั่นไส้ “โคลัมบัส” มานานก็กระแนะกระแหนโคลัมบัสด้วยเหตุผลเดิมๆพูดว่า“แค่เดินเรือออกไปแล้วพบแผ่นดินใหม่…ที่มันมีอยู่แล้วใครๆก็ทำได้!”
โคลัมบัส: ไม่โต้ตอบ… แต่หยิบ’ไข่’ ใบหนึ่งขึ้นมาแล้วกล่าวว่า“ท่านลองตั้งไข่นี้ให้ได้ซิ“
ขุนนาง: ผู้นั้นก็รับไข่มาและพยายามตั้งไข่ให้ได้แต่เมื่อปล่อยมือไข่ก็ล้มลงทุกครั้ง“ไม่มีใครตั้งไข่ได้หรอก“ขุนนางยืนยันและท้าทาย“หรือท่านตั้งได้?”
โคลัมบัส: รับไข่ใบนั้นมาและเคาะเบาๆให้ไข่ยุบจากนั้นก็นำไข่ตั้งบนโต๊ะ…ไข่ใบนั้นก็ไม่ล้มลง
ขุนนาง: โวยวายเสียงดังทันที“แบบนี้ใครๆเค้าก็ทำได้!”
โคลัมบัส: ยิ้มตอบสั้นๆก่อนเดินจากไป“แล้วทำไมท่านไม่ทำหล่ะ?”
และนี่แหละครับความหมายของการเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าของพวกเราในสัปดาห์ที่3 นี้เปิดใจต้อนรับพระคริสตเจ้าและลงมือกระทำอย่างกระตือรือร้นในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเราด้วยความชื่นชมยินดีเพราะพระเจ้าใกล้เสด็จมาช่วยเราให้รอดพ้นแล้ว
…คุณพ่อปลัด…