• หน้าแรก
  • เกี่ยวกับอาสนวิหาร
    • ประวัติอาสนวิหารอัสสัมชัญ
    • สถาปัตยกรรม
    • บรรณฐาน
    • ภาษาลาตินในวัด
    • กระจกสี / stained-glass
    • รูปนักบุญ / saint sculpture
  • บริการต่างๆ
    • ล้างบาปทารก / Baptisms
    • การถ่ายภาพ / Take pictures
    • แต่งงาน / wedding
  • ติดต่อสอบถาม/Contact us
  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับอาสนวิหาร
    • ประวัติอาสนวิหารอัสสัมชัญ
    • สถาปัตยกรรม
    • บรรณฐาน
    • ภาษาลาตินในวัด
    • กระจกสี / stained-glass
    • รูปนักบุญ / saint sculpture
  • บริการต่างๆ
    • ล้างบาปทารก / Baptisms
    • การถ่ายภาพ / Take pictures
    • แต่งงาน / wedding
  • ติดต่อสอบถาม/Contact us

2017-10-08 ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 27 เทศกาลธรรมดา ปี A

ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 27 เทศกาลธรรมดา ปี A

มธ 21: 33-43…ในที่สุด เจ้าของสวนได้ส่งบุตรชายของตนไปพบคนเช่าสวน…หินที่ช่างก่อสร้างทิ้งเสียนั้น ได้กลายเป็นศิลาหัวมุม…พระอาณาจักรของพระเจ้าจะถูกยกจากท่านทั้งหลาย ไปมอบให้แก่ชนชาติอื่นที่จะทำให้บังเกิดผล…

พระคัมภีร์พระธรรมเก่าได้บอกกับพวกเราว่าพระเจ้าได้ทรงเอาใจใส่ดูแลประชากรของพระองค์ เหมือนกับคนสวนที่ดีที่เอาใจใส่ดูแลสวนองุ่นของตน ถึงกระนั้น สวนองุ่นก็ไม่ได้ผลิตผลตามที่เจ้าของสวนต้องการ…เราซึ่งเป็นประชากรใหม่ของพระเจ้า เปรียบเหมือนสวนองุ่นที่พระคริสตเจ้าได้ทรงปลูกและเอาใจใส่ดูแล และพระเจ้าทรงเฝ้าดูพวกเราเพื่อให้เราได้ผลิตผลแห่งความยุติธรรม ผลแห่งความศักดิ์สิทธิ์และผลแห่งสันติภาพ…

ข้อคิด…จากประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ บนโลกใบนี้อาจจะเต็มไปด้วยเรื่องราวของผู้เช่าที่ดีและผู้เป็นเจ้าของที่ชั่วร้าย แต่ในพระวรสารของวันนี้ เรากลับได้ยินเรื่องของผู้เช่าที่ชั่วร้ายและผู้เป็นเจ้าของที่ดี  นิทานเปรียบเทียบเรื่องนี้เป็นเรื่องอุปมาเกี่ยวกับการที่พระเจ้ามีความเกี่ยวข้องกับประชากรของพระองค์อย่างไร?…ผู้เป็นเจ้าของสวนคือพระเจ้า สวนองุ่นคือชนชาวอิสราแอลหรือโลกมนุษย์ และผู้เช่าที่ชั่วร้ายคือผู้นำของศาสนาหรือผู้นำของประเทศชาติ แต่ว่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือบรรดาผู้นำของศาสนาซึ่งได้รับหน้าที่ให้ดูแลสวนองุ่นของพระเจ้า ส่วนพวกคนใช้คือบรรดาประกาศกที่พระเจ้าทรงส่งมาซึ่งบ่อยๆครั้งก็โดนปฏิเสธ โดนทำร้ายและโดนฆ่าเสีย และบุตรของเจ้าของสวนคือองค์พระเยซูเจ้าซึ่งในที่สุดก็โดนพวกเขาฆ่าเสียที่ไม้กางเขน

เช่นเดียวกับอุปมาเรื่องของบุตรสองคนซึ่งเราได้ยินจากพระวรสารของอาทิตย์ที่แล้ว อุปมาเรื่องนี้ก็พุ่งเป้าไปที่บรรดาพระสงฆ์ผู้ใหญ่และบรรดาผู้นำของศาสนา…อุปมาเรื่องนี้เป็นคำเตือนของพระเจ้าสำหรับทุกๆคนที่มีตำแหน่งหน้าที่รับผิดชอบในสังคมและในหมู่คณะ…แต่ว่าพวกเขาก็มิได้ใส่ใจที่จะทำหน้าที่ของตนอย่างดี ดังนั้นผู้เช่าสวนในที่สุดก็ได้มาถึงจุดจบอันไม่พึงปรารถนา…กรุงเยรูซาเล็มได้ถูกทำลาย และบรรดาคนต่างศาสนาคนต่างชาติก็ได้เข้ามาเป็นประชากรของพระเจ้า แทนที่ของชนชาวอิสราแอล

“หินที่ช่างก่อสร้างได้ทิ้งเสียนั้น ได้กลายเป็นศิลาหัวมุม องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงกระทำเช่นนั้น เป็นที่น่าอัศจรรย์แก่เรายิ่งนัก”

พระเจ้าได้ทรงประทานความรักและความเอาใจใส่ให้กับประชากรของพระองค์ อันเปรียบเสมือนกับที่เจ้าของสวนองุ่นซึ่งได้อุทิศทั้งกำลังกายกำลังใจในอันที่จะตกแต่งสวนองุ่นนั้นให้ออกผลอย่างอุดม แต่ว่าสวนองุ่นนั้นกลับไม่ได้ออกผลอย่างอุดมตามฤดูกาลของมัน พระเจ้าจึงได้ทรงส่งประกาศกของพระองค์คนแล้วคนเล่าให้ไปติดตามผล พลางบอกกล่าวว่าควรจะต้องทำเช่นใด แต่ก็ไม่มีใครอยากฟัง คนที่ถูกส่งไปบางคนก็โดนด่าทอกลับมา ร้ายกว่านั้น บางคนกลับโดนเอาไปฆ่าเสีย ในที่สุด เจ้าของสวนก็ได้ส่งบุตรชายซึ่งเป็นทายาท คือ องค์พระเยซูเจ้า ไปติดตามผล แต่กลับโดนผู้เช่าสวนเอาไปฆ่าเสียโดยหวังจะฮุบสวนองุ่นนั้นเสียเอง

แน่นอนสิ่งที่ผู้เช่าสวนกระทำนั้นเป็นสิ่งที่น่าเกลียดยอมรับไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง แต่ถึงกระนั้นพระเจ้าก็มิได้ทรงทอดทิ้งหรือทำลายสวนองุ่นของพระองค์ พระเจ้าได้ทรงมอบสวนองุ่นนี้ให้กับคนอื่นโดยหวังว่าจะช่วยทำให้สวนองุ่นของพระองค์สามารถผลิดอกออกผลได้ตามฤดูกาลของมัน และดังนี้ประชากรรุ่นใหม่ของพระเจ้าจึงได้บังเกิดขึ้น องค์พระเยซูเจ้าซึ่งพวกเขาได้ปฏิเสธและได้ฆ่าเสียนั้น อันเปรียบเสมือนเป็นหินที่ช่างก่อสร้างได้ทิ้งเสียนั้น ได้กลับกลายมาเป็นศิลาหัวมุมของพระศาสนจักรใหม่

พระเจ้ามิใช่เป็นผู้ที่ชอบแก้แค้น พระองค์ไม่เคยใช้ความชั่วร้ายตอบแทนความชั่ว… การที่พระเจ้าทรงต้องเอาสวนองุ่นของพระองค์จากพวกชนชาวยิวไปให้ชนต่างศาสนานั้น ก็เป็นพวกเช่าสวนนั่นเองแหละที่ได้ก่อให้เกิดกรณีเช่นนี้…แต่พระเจ้าจะทรงเพียรทนรอคอยจนกระทั่งจะได้รับการตอบสนองที่ดีตามที่พระองค์ทรงประสงค์

อุปมาเรื่องสวนองุ่นนี้แสดงให้เราได้แลเห็นว่ามีหนทางแต่เพียงหนทางเดียวที่จะสามารถเอาชนะความชั่วได้ และหนทางนั้นก็คือต้องใช้ความดีเอาชนะความชั่ว สิ่งที่ได้บังเกิดขึ้นในอุปมาเรื่องนี้เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจมากๆและเป็นวิธีการที่สกปรก อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีความชั่วร้ายอยู่ในเรื่องเล่านี้อย่างมากมาย แต่ว่าความชั่วร้ายนั้นก็มิใช่เป็นคำพูดคำสุดท้ายของเรื่องราวเหตุการณ์นี้ เพราะในที่สุดความดีก็ต้องเป็นผู้ชนะ

          ไม่มีใครจะสามารถพูดได้ว่าพระเยซูเจ้ามิได้อยู่ในโลกของความเป็นจริง เพราะว่าพระองค์ได้มีประสบการณ์เกี่ยวกับความไม่ดีของพฤติกรรมของเรามนุษย์โดยตรงด้วยพระองค์เอง แต่พระองค์ก็มิได้ทรงตอบโต้ความไม่ดีนี้ด้วยความรุนแรง พระองค์ได้ทรงเอาชนะความชั่วด้วยความดี พระองค์ได้ทรงกลายเป็นแบบอย่างหรือโมเดลสำหรับทุกๆคนที่ต้องต่อสู้และทนความอยุติธรรมเพื่อความถูกต้อง และพระองค์ได้ทรงท้าทายพวกเรา บรรดาผู้ติดตามพระองค์และบรรดาผู้เช่าสวนของสวนองุ่นใหม่หรือพระศาสนจักรของพระองค์ให้ช่วยกันผลิดอกออกผลแห่งความยุติธรรม ความรักและสันติภาพ นี่เป็นสิทธิพิเศษและความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่พระองค์ได้ทรงมอบให้กับพวกเราที่เป็นศิษย์และใช้ชื่อเรียกตนเองว่า “คริสตชน” หรือคนของพระคริสต์นั่นเอง

<<สวัสดี…พ่อวีรศักดิ์>>

เกี่ยวกับวัดฯ

  • ประวัติอาสนวิหาร
  • แม่พระอัสสัมชัญ
  • บรรณฐาน
  • สถาปัตยกรรม
  • กระจกสี
  • ภาษาลาตินในวัด

บริการต่างๆ

  • ล้างบาปทารก / Baptisms
  • แต่งงาน / Wedding
  • การขออนุญาตถ่ายภาพ

สารวัดย้อนหลัง

  • บทสนทนาจากเจ้าอาวาส
  • คิดสักนิด...สะกิดใจ...
  • ปลัดแก่ ซอย40
  • ปี 2012

บุคลากร/องค์กรต่างๆในวัด

  • พระสงฆ์
  • สำนักงานวัด
  • สภาภิบาล
  • นักขับร้อง
  • สโมสรเยาวชน

ลิงค์คาทอลิก

  • สภาสังฆราชคาทอลิกประเทศไทย
  • อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
  • หอจดหมายเหตุ อัครสังฆมณฑลฯ
  • สื่อมวลชนคาทอลิกประเทศไทย
Facebook-f Youtube