สวัสดีครับพี่น้องที่รัก อาทิตย์นี้เราสมโภช “พระจิตเจ้า” หรือวันฉลอง “เปนเตกอสเต” ซึ่งคำภาษากรีกแปลว่า “ 50 วัน ” สำหรับชาวยิวแล้ว วันนี้พวกเขาจะฉลอง 50 วัน หลังจากวันปัสกา เพื่อเตือนใจถึงบัญญัติ 10 ประการที่พระเจ้าประทานให้แก่พวกเขาบนภูเขาซีนาย แต่สำหรับเราคาทอลิก พวกเราฉลอง 50 วัน หลังจากพระเยซูเจ้าทรงกลับเป็นขึ้นมาจากความตาย และฉลององค์พระจิตเจ้าที่พระองค์ทรงประทานให้แก่เรามนุษย์ พระจิตเจ้าองค์นี้สำหรับพระศาสนจักรและเราคริสตชนจึงเป็นบุคคลที่มีความสำคัญ เพราะทรงเป็นทั้ง “พระผู้ช่วยเหลือ” “องค์ความสว่าง” หรือ “ผู้สร้างแรงบันดาลใจให้แก่มนุษย์” ซึ่งพระองค์ยังประทับอยู่ และทำงานภายในตัวเราและในพระศาสนจักรเสมอ พระองค์ทรงทำให้พระศาสนจักรมีชีวิตชีวา มีใจร้อนรน เติบโตและแผ่ขยายไปทั่วโลก โดยเริ่มต้นจากศิษย์ธรรมดาๆ เพียงไม่กี่คน เป็นชาวบ้านที่ไม่มีการศึกษา แต่สามารถทำงานยิ่งใหญ่ที่พระเยซูเจ้ามอบให้และทำให้บังเกิดผลจวบจนทุกวันนี้ ซึ่งพ่อเชื่อว่า ทั้งหมดนี้เกิดผลและสำเร็จได้ด้วยพระจิตเจ้าผู้สร้างแรงบันดาลใจนั่นเอง
มีเรื่องราวน่ารัก ๆ เรื่องหนี่งเกี่ยวกับพระจิตผู้สร้างแรงบันดาลใจที่เล่ากันว่า ครั้งหนึ่ง Leonardo da Vinci ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ ได้เริ่มต้นงานวาดภาพของเขาบนผืนผ้าใบ (Canvas) ซึ่งเขาได้เลือกทุกอย่างไว้อย่างเรียบร้อยแล้ว ทั้งเค้าโครง โครงร่าง หรือแม้กระทั่งเลือกสีที่จะใช้ไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ดาวินชี่นั้นไม่ยอมวาดต่อ เขากลับเรียกนักเรียนที่เก่งที่สุดของเขาคนหนึ่งเข้ามา และบอกให้เขาวาดภาพนี้ให้เสร็จ นักเรียนคนนี้ตกใจมาก และกลัวที่จะทำงานชิ้นนี้ต่อ เขาจึงตอบปฏิเสธอาจารย์ของเขาว่า “ผมไม่เหมาะสม และไม่สามารถทำงานวาดภาพนี้ที่อาจารย์เป็นผู้เริ่มต้นไว้” ดาวินชี่ตอบเขาว่า “ผลงานต่างๆ ที่อาจารย์ทำไว้ ไม่ได้เป็นแรงบันดาลใจให้เธอทำให้ดีที่สุดหรอกหรือ” เขาจึงเริ่มต้น และทำงานชิ้นนั้นให้สำเร็จสมบูรณ์ตามที่อาจารย์ต้องการ พระเยซูเจ้าก็คือ ผลงานหรือภาพผืนผ้าใบนั้นเองที่พระองค์ได้ทรงเริ่มต้นไว้ ส่วนพระจิตเจ้า คือ แรงบันดาลใจ ซึ่งทำให้เรามีความมุ่งมั่นที่จะพยายามทำสิ่งต่างๆ ในโลกนี้ให้สำเร็จ และพระองค์ยังทรงสอนอีกด้วยให้เข้าใจว่า เราควรทำอะไร ไม่ควรทำอะไร หรือแม้แต่บางครั้ง เราอาจจะรู้สึกตัวเองนั้นไม่เหมาะสม แต่เราก็จะพยายามทำงานนั้นอย่างดีที่สุด และนี่แหละครับคือ งานของพระจิตเจ้าที่ทำงานในใจเรา
ดังนั้น พี่น้องครับโอกาสสมโภชพระจิตเจ้านี้เอง พ่อจึงอยากเชิญชวนเราทุกคนให้คิดถึงองค์พระจิตเจ้ามากขึ้น ปลุกเร้าจิตใจของเราคริสตชนให้ร้อนรน มีชีวิตชีวาอยู่เสมอ และอย่าให้ลดน้อยลงในการสนิทสัมพันธ์กับพระ อย่าให้ลดน้อยที่จะรักพระเป็นเจ้า มาวัด มาแก้บาป รับศีล หรือแม้กระทั้ง การไม่อยากร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของทางวัด เพราะคิดว่าเป็นเรื่องเสียเวลา และไม่อยากรู้จักใคร ขอให้เรารู้จักสวดภาวนาวอนขอให้พระจิตเจ้าเสด็จลงมาในชีวิตของเรา เพื่อเราจะพบการเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกันที่อัครสาวกและแม่พระได้รับในวันนี้
…คุณพ่อปลัด…