สวัสดีครับพี่น้องที่รัก พบกันอีกครั้งนะครับกับคอลัมน์ “คิดสักนิด..สะกิดใจ” กับอาทิตย์ของการสมโภชนักบุญเปโตรและเปาโล 2 อัครสาวกที่ยิ่งใหญ่ และเสาหลักแห่งความเชื่อของบรรดาคริสตชน ก่อนอื่นหมด พ่อต้องขออวยพรให้กับพี่น้องทุกท่านครับที่มีนามนักบุญเปโตรและเปาโลเป็นองค์อุปถัมภ์ ขอให้พี่น้องได้มีจิตใจที่ร้อนรนในความเชื่อเช่นเดียวกันท่าน พร้อมเสมอที่จะกลับใจและเริ่มต้นใหม่ และมีส่วนในประกาศพระวรสาร เช่นเดียวกับท่านทั้งสองด้วย “Happy Feast Day แด่พี่น้องทุกๆ ท่านครับ”
การสมโภชนักบุญเปโตรและเปาโลนั้น ถือได้ว่าเป็นการเฉลิมฉลองที่เก่าแก่ที่สุดของศาสนจักร ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ในพระศาสนจักรยุคแรก เนื่องจากการให้ความเคารพและการเลื่อมใสต่อบรรดานักบุญมรณสักขีในหมู่คริสตชน และตั้งแต่ในศตวรรษที่ 4 เป็นต้นมา พระศาสนจักรก็ได้มีการฉลองด้วยถวายพิธีบูชาขอบพระคุณ 3 แห่งด้วยกัน คือ ที่มหานักบุญเปโตร มหาวิหารนักบุญเปาโล นอกกำแพงเมือง และที่คาตากอลป์ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสถานที่เก็บรักษาศพของนักบุญอัครสาวกที่ยิ่งใหญ่ทั้งสองท่าน ในสมัยที่มีการเบียดเบียนศาสนา
แม้ในหนังสือพระคัมภีร์จะไม่ได้บันทึกการเสียชีวิตเป็นมรณสักขีของท่านนักบุญทั้งสอง แต่ก็เป็นที่รับรู้กันในหมู่คริสตชนว่า ท่านทั้งสองได้พลีชีวิตเป็นมรณสักขีที่กรุงโรมในสมัยจักรพรรดิเนโร (ค.ศ.54-68) โดยนักบุญเปโตร ได้ถูกตรึงกางเขนเอาศรีษะลง ในปี ค.ศ 64 บนเนินวาติกัน อันเป็นที่ตั้งของมหาวิหารนักบุญเปโตรในปัจจุบัน ส่วนนักบุญเปาโล ถูกตัดศรีษะด้วยดาบ ในฐานะที่ท่านพลเมืองชาวโรมัน ในปี ค.ศ. 67 บนเนินเขาแห่งน้ำพุ 3 แห่ง ซึ่งเขาเรียกกันว่า “เตร ฟอนตาเน” (Tre Fontane) และพระศาสนจักรได้สร้างวัดคลุมสถานที่แห่งนี้ไว้ อันเป็นที่ตั้งของมหาวิหารนักบุญเปาโล นอกกำแพงเมืองในปัจจุบัน
นักบุญออกัสตินเคยกล่าวไว้ว่า “การที่ท่านอัครสาวกทั้งสอง มีวันฉลองในวันเดียวกันเพราะว่าท่านทั้งสองเป็นหนึ่งเดียวกัน แม้ว่าจะพลีชีพเป็นมรณสักขีกันคนละวันก็ตาม” ดังนั้น พระศาสนจักรจึงเฉลิมฉลองอัครสาวกทั้งสองในวันเดียวกันในฐานะที่ท่านทั้งสองเป็น “ศิลารากฐานมั่นคง” ของพระ ศาสนจักรสากลที่ยืนยันความเชื่อ และสละชีวิตของตนเพื่อยืนยันถึงความจริงในพระคริสตเจ้า ดังในบทเริ่มขอบพระคุณในพิธีบูชามิสซา พระสงฆ์จะภาวนาว่า “พระองค์โปรดให้ข้าพเจ้าทั้งหลายได้ชื่นชมยินดีโอกาสสมโภชนักบุญเปโตรและเปาโล เพราะว่านักบุญเปโตรเป็นหัวหน้าพระศาสนจักร เป็นหลักมั่นคงแห่งเชื่อที่เราต้องยึดถือ นักบุญเปาโล เป็นผู้ป้องกันความเชื่อ เสาหลักแห่งความเชื่อที่เราต้องเรียนรู้”
นักบุญเปโตร เดิมมีชื่อ “ซีโมน” ชาวประมงธรรมดาที่พระเจ้าเรียกมาใช้งาน คนธรรมดาที่ขี้ขลาด ปากเก่ง หุนหันมุทะลุ และไม่มีการศึกษา แต่พระเจ้าทรงเปลี่ยนหัวใจที่อ่อนแอ ให้รักพระเจ้าสุดหัวใจ และยอมตนเป็นมรณสักขีที่กล้าหาญ นักบุญเปาโล เดิมมีชื่อว่า “เซาโล” ชาวฟาริสีที่เคร่งครัด การศึกษาดี เร่าร้อน เอาจริงเอาจัง และเคยเป็นผู้ไล่ล่า เบียดเบียนผู้ที่เชื่อในพระเยซูเจ้า แต่พระเจ้าได้ทรงเปลี่ยนใจที่แข็งกร้าว ให้อ่อนนุ่มลง และทำงานประกาศข่าวดีแก่คนต่างศาสนาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
แต่อย่างไรก็ตาม แม้ท่านนักบุญทั้งสองจะยิ่งใหญ่และสำคัญต่อพระศาสนจักรและชีวิตคริสตชนมากเพียงไร แต่ด้วยความอ่อนแอตามประสามนุษย์ ท่านทั้งสองก็เคยทำสิ่งที่ผิดพลาดมาก่อนเหมือนกัน เปโตรเคยปฎิเสธพระเยซูเจ้าถึงสามครั้ง ส่วนนักบุญเปาโลเคยเบียดเบียนกลุ่มคริสตชน แต่สิ่งที่น่าสนใจ คือ เมื่อท่านทั้งสองได้มีโอกาสสัมผัสกับความรักของพระเยซูเจ้า ความรักของพระเจ้าได้เปลี่ยนแปลงท่านทั้งสอง ให้กลายเป็นผู้นำที่ร้อนรนและแบบอย่างความเชื่อซึ่งจะนำคริสตชนไปสู่ความรอดพ้นได้ เพราะพระองค์ทรงสามารถเรียกและเลือกคนที่อ่อนแอ ให้เป็นเครื่องมือที่ดีและมีประสิทธิภาพของพระเจ้าได้ ความผิดพลาดในอดีต จึงไม่ใช่จุดสิ้นสุด แต่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งการกลับใจและเป็นการเริ่มต้นใหม่ที่เราควรยกย่องและเลียนแบบ
…คุณพ่อปลัด…