• หน้าแรก
  • เกี่ยวกับอาสนวิหาร
    • ประวัติอาสนวิหารอัสสัมชัญ
    • สถาปัตยกรรม
    • บรรณฐาน
    • ภาษาลาตินในวัด
    • กระจกสี / stained-glass
    • รูปนักบุญ / saint sculpture
  • บริการต่างๆ
    • ล้างบาปทารก / Baptisms
    • การถ่ายภาพ / Take pictures
    • แต่งงาน / wedding
  • ติดต่อสอบถาม/Contact us
  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับอาสนวิหาร
    • ประวัติอาสนวิหารอัสสัมชัญ
    • สถาปัตยกรรม
    • บรรณฐาน
    • ภาษาลาตินในวัด
    • กระจกสี / stained-glass
    • รูปนักบุญ / saint sculpture
  • บริการต่างๆ
    • ล้างบาปทารก / Baptisms
    • การถ่ายภาพ / Take pictures
    • แต่งงาน / wedding
  • ติดต่อสอบถาม/Contact us

2017-01-22 ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 3 เทศกาลธรรมดา ปี A

ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 3เทศกาลธรรมดาปีA

มธ4: 12-23…พระเยซูเจ้าเสด็จไปยังเมืองคาเปอร์นาอุม…เพื่อให้พระดำรัสที่ตรัสไว้ทางประกาศกอิสยาห์เป็นความจริง… “ประชาชนที่จมอยู่ในความมืดได้เห็นความสว่างยิ่งใหญ่ผู้ที่อาศัยอยู่ในดินแดนและในเงาแห่งความตายแสงได้ส่องขึ้นมาเหนือพวกเขาแล้ว”

“ประชาชนที่จมอยู่ในความมืด ได้เห็นความสว่างยิ่งใหญ่”…นี่เป็นคำยืนยันของนักบุญมัทธิวที่บ่งบอกถึงผลกระทบจากพันธกิจขององค์พระเยซูเจ้าที่มีต่อประชากรทั้งหลาย…และแสงสว่างนั้นกำลังฉายแสงมายังพวกเราในขณะนี้ขณะที่เรากำลังชุมนุมกันอยู่ณรอบพระแท่นบูชาในพระนามของพระองค์

ข้อคิด…นักบุญมัทธิวได้เปรียบเทียบการเสด็จมาของพระเยซูเจ้าว่าเป็นเหมือนกับแสงสว่างอันยิ่งใหญ่ที่ส่องสว่างประชาชนซึ่งเจริญชีวิตอยู่ในความมืดแห่งชีวิตท่านนักบุญมองเห็นว่าพระเยซูเจ้าเป็นผู้ที่บันดาลให้คำพยากรณ์ของท่านประกาศกอิสยาห์ได้สำเร็จเป็นไป

            “ประชาชนที่จมอยู่ในความมืดได้เห็นความสว่างยิ่งใหญ่ผู้ที่อาศัยอยู่ในดินแดนและในเงาแห่งความตายแสงสว่างได้ส่องขึ้นมาเหนือพวกเขาแล้ว”

และพระเยซูเจ้าเองก็ได้ทรงสาธยายพระภารกิจของพระองค์ด้วยถ้อยคำที่คล้ายคลึงกันว่า“เราคือความสว่างส่องโลก”

            ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ…ก็มีตัวอย่างของอาจารย์หรือครูผู้สอนศิษย์จำนวนไม่น้อยแทนที่จะนำความสว่างมาให้กับลูกศิษย์และมวลมนุษย์กลับนำความมืดที่มาพร้อมๆกับคำสั่งสอนของพวกเขามาให้กับมวลมนุษย์…คำสั่งสอนของพระเยซูเจ้าเป็นท่อธารแห่งความสว่างจริงๆสำหรับทุกๆคนที่ยอมรับพระองค์และคำสั่งสอนของพระองค์

            พระองค์ได้ทรงสอนว่า“ให้รักศัตรูของท่านและจงอธิษฐานภาวนาให้กับผู้ที่เบียดเบียนท่าน” ดังนี้ก็เท่ากับว่าให้เราสลัดเอาความมืดแห่งการแก้แค้นให้ออกไปเสียจากตัวเรามนุษย์พร้อมกันนั้นก็ทรงนำความสว่างแห่งการให้อภัยและการคืนดีกันมาให้

            ในนิทานเปรียบเทียบเรื่องชาวซามาริตันผู้ใจดี…พระองค์ทรงสอนให้คนเรารู้จักสลัดทิ้งเสียซึ่งความมืดแห่งการละเลยและการไม่ยินดียินร้ายในความต้องการของเพื่อนพี่น้องพร้อมกันนั้นก็ได้ทรงเร่งรัดให้เราได้นำความสว่างแห่งการรู้จักใส่ใจซึ่งกันและกันมาให้กัน

            ในคำสั่งสอนของพระองค์เรื่องการใช้อำนาจ…พระองค์ก็ทรงสอนให้เรารู้จักละทิ้งเสียซึ่งความมืดที่อยากจะเป็นเจ้านายเหนือคนอื่นและการชอบเอารัดเอาเปรียบผู้อื่นพร้อมกันนั้นก็ขอให้บรรดาผู้นำทั้งหลายได้รู้จักรับใช้ผู้อื่นด้วยความสุภาพอ่อนโยนและด้วยความเสียสละ

            แต่ว่าเหนือสิ่งอื่นใดด้วยพฤติกรรมต่างๆและการพบปะกับผู้คนได้ทำให้คุณงามความดีต่างๆของพระเยซูเจ้าได้ฉายแสงเป็นที่ปรากฏแก่คนทั้งหลาย…ได้มีคนแล้วคนเล่าที่ได้มาหาพระองค์ในความมืดและได้กลับออกไปอย่างอิ่มเอิบใจในความสว่าง

            พระองค์ได้ทรงนำเอาคนบาปออกจากความมืดแห่งบาปให้เข้าไปสู่ความสว่างแห่งพระหรรษทานและความรักของพระเจ้า

            พระองค์ได้ทรงนำผู้คนที่อยู่ตามชายขอบของสังคมออกจากความมืดแห่งการถูกทอดทิ้งให้เข้าไปสู่ความสว่างแห่งการยอมรับของสังคม

            พระองค์ได้ทรงนำคนเจ็บป่วยและคนที่เต็มไปด้วยบาดแผลออกจากความมืดแห่งความเจ็บปวดและโรคภัยไข้เจ็บให้เข้าไปสู่ความสว่างแห่งการมีสุขภาพที่ดีและแข็งแรง

            พระองค์ได้ทรงนำซัคเคียสออกจากความมืดแห่งความโลภและความเห็นแก่ตัวให้เข้าไปสู่ความสว่างและความชื่นชมยินดีแห่งการรู้จักแบ่งปัน

            พระองค์ได้ทรงนำมารธาและมารีย์ออกจากความมืดแห่งความเศร้าโศกให้เข้าไปสู่ความสว่างแห่งความหวังและชีวิตใหม่

            พระองค์ได้ทรงนำโจรกลับใจออกจากความมืดแห่งความหมดหวังให้เข้าไปสู่ความสว่างแห่งเมืองสวรรค์

            โดยการกลับคืนพระชนมชีพจากความตายพระองค์ได้ทรงขับไล่ความมืดแห่งความตายพร้อมทั้งได้ทรงสัญญากับบรรดาผู้ที่ติดตามพระองค์ว่าพวกเขาจะไม่เดินในความมืดแต่ว่าพวกเขาจะมีแสงสว่างแห่งชีวิตที่คอยเดินเป็นเพื่อนกับพวกเขาอยู่เสมอในหนทางแห่งชีวิต

            โลกมนุษย์เราทางด้านจิตใจจะมืดมิดสักเพียงใดหนอถ้าหากว่าแสงสว่างของพระคริสต์จะไม่ส่องสว่างมาให้พวกเขา

            แต่ถึงกระนั้นก็ดีแม้ว่าพระเยซูเจ้าจะได้นำเอาความสว่างของพระเจ้าเข้ามายังโลกมนุษย์ก็มิใช่ทุกคนจะต้อนรับแสงสว่างนี้เป็นเรื่องน่าเศร้าที่หลายๆคนกลับปฏิเสธแสงสว่างของพระองค์และชอบที่จะใช้ชีวิตอยู่ในความมืดด้วยเหตุนี้เองที่พระองค์ได้ทรงเริ่มการเทศน์สอนของพระองค์ด้วยการเรียกร้องให้กลับใจใช้โทษบาป“จงกลับใจใช้โทษบาปเพราะว่าอาณาจักรแห่งสวรรค์กำลังใกล้เข้ามาแล้ว”

            การกลับใจใช้โทษบาป…หมายถึงการยอมรับความบอดมืดของเรามนุษย์และเป็นการเปิดกว้างตัวเราเองให้กับแสงสว่างของพระคริสต์เพราะว่าคนที่ยอมรับพระองค์พระเยซูเจ้าก็จะกลายเป็นแสงสว่างแห่งชีวิตของพวกเขาและเป็นแสงสว่างส่องโลก

            และด้วยการเจริญชีวิตในแสงสว่างที่พระเยซูเจ้าได้ทรงนำมาให้นี้เราก็จะกลายเป็นท่อธารแห่งแสงสว่างให้กับคนอื่นๆเปรียบเสมือนเป็นตะเกียงที่คอยส่องสว่างทางเดินแห่งชีวิตแต่ละก้าวให้กับเพื่อนพี่น้องของเรา

สวัสดี…พ่อวีรศักดิ์

เกี่ยวกับวัดฯ

  • ประวัติอาสนวิหาร
  • แม่พระอัสสัมชัญ
  • บรรณฐาน
  • สถาปัตยกรรม
  • กระจกสี
  • ภาษาลาตินในวัด

บริการต่างๆ

  • ล้างบาปทารก / Baptisms
  • แต่งงาน / Wedding
  • การขออนุญาตถ่ายภาพ

สารวัดย้อนหลัง

  • บทสนทนาจากเจ้าอาวาส
  • คิดสักนิด...สะกิดใจ...
  • ปลัดแก่ ซอย40
  • ปี 2012

บุคลากร/องค์กรต่างๆในวัด

  • พระสงฆ์
  • สำนักงานวัด
  • สภาภิบาล
  • นักขับร้อง
  • สโมสรเยาวชน

ลิงค์คาทอลิก

  • สภาสังฆราชคาทอลิกประเทศไทย
  • อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
  • หอจดหมายเหตุ อัครสังฆมณฑลฯ
  • สื่อมวลชนคาทอลิกประเทศไทย
Facebook-f Youtube