สวัสดีครับพี่น้องที่รักพบกันอีกครั้งนะครับกับคอลัมน์“คิดสักนิด..สะกิดใจ”ในอาทิตย์ที่7 ของสัปดาห์ธรรมดาอาทิตย์นี้ในพระวรสารพระเยซูเจ้าทรงเราสอนในสิ่งพิเศษซึ่งมีความแตกต่างจากความคิดหรือคำสอนของคนทั่วๆไปที่เขาทำกันคนอื่นอาจสอนว่า“ตาต่อตาฟันต่อฟัน”แต่พระเยซูเจ้าทรงสอนว่า“อย่าตอบโต้คนชั่วผู้ใดตบแก้มขวาของท่านจงหันแก้มซ้ายให้เขาด้วยผู้ใดฟ้องท่านที่ศาลเพื่อหว้งเสื้อยาวของท่านก็จงแถมเสื้อคลุมให้เขาด้วย…” ท่านทั้งหลายได้ยินคำกล่าวว่า“จงรักเพื่อนบ้านและจงเกลียดศัตรู” แต่เราสอนว่า“จงรักศัตรูและภาวนาให้กับผู้ที่เบียดเบียนท่าน” ซึ่งแน่นอนคำสอนในเรื่องต่างๆเหล่านี้เป็นสี่งที่พระเยซูเจ้ายืนยันกับเราว่าเราคริสตชนต้องมีชีวิตที่แตกต่างจากคนทั่วๆไปเราคริสตชนต้องเป็นผู้ดีบริบูรณ์หรือผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักความเมตตาและรู้จักให้อภัยแก่ผู้อื่นและก้าวสำคัญที่จะทำเราเป็นคนดีบริบูรณ์ได้อย่างแท้จริงนั่นก็คือเรื่องของการให้อภัย
เมื่อพูดถึงเรื่องของการอภัยมีเรื่องราวน่าประทับใจมากมายแต่เรื่องหนึ่งที่พ่อชอบมากที่สุดก็คือเรื่องราวของผู้หญิงชาวเวียดนามคนหนึ่งชื่อKim Phúc หรือคิมฟุคในระหว่างสงครามเวียดนามทหารอเมริกันทิ้งบอมบ์ที่หมู่บ้านของเธอพ่อแม่พี่น้องของเธอเสียชีวิตตัวเธออายุเพียง9 ขวบไฟลุกท่วมตัววิ่งหนีอย่างตื่นตระหนกออกจากหมู่บ้านไม่มีเสื้อผ้าติดกายเลยเธอได้รับการรักษาแผลไฟไหม้เกือบ30 ปีผ่านไปวันหนึ่งเธอได้รับเชิญให้พูดต่อหน้าอนุสาวรีย์ทหารผ่านศึกที่กรุงนิวยอร์กเธอพูดได้อย่างน่าประทับใจถ้อยคำตอนหนึ่งเธอกล่าวว่า“ดิฉันต้องทุกข์ทรมานอย่างมากทั้งทางร่างกายและจิตใจจนบางครั้งคิดว่าไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกต่อไปแต่พระเจ้าทรงประทานชีวิตให้ดิฉันพระองค์ประทานความเชื่อและความหวังถ้าหากดิฉันมีโอกาสเผชิญหน้ากับนักบินที่ทิ้งระเบิดหมู่บ้านฉันดิฉันก็จะบอกกับเขาว่า“เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้นได้แต่เราควรพยายามช่วยกันส่งเสริมให้มีสันติภาพในปัจจุบันและในอนาคต”
หลังจากนั้นก็มีชายคนหนึ่งเข้ามาหาเธอบอกเธอว่า“ผมคือนักบินคนนั้นครับผมเสียใจ”คิมฟุคเดินเข้าไปหาชายคนนั้นสวมกอดเธอและบอกว่า“ฉันรักคุณฉันยกโทษให้คุณ”(ที่มาจากหนังสือMy Facebook Stories 3 ของคพ.สุรชัยชุ่มศรีพันธุ์)
พี่น้องครับผู้หญิงบ้านนอกชาวเวียดนามธรรมดาคนหนึ่งที่พระเยซูเจ้าสอนเธอให้รักและอภัยยังกล้าหาญชาญชัยได้ถึงขนาดนี้คำพูดและชีวิตของเธอเป็นเสมือนกับกระจกที่ทำให้เราเข้าใจคำสอนของพระเยซูเจ้าได้อย่างชัดเจนขึ้นว่าเราคริสตชนต้องมีชีวิตและคุณธรรมเช่นนี้เป็นชีวิตที่แตกต่างจากคนทั่วไปที่ต้องรักผู้อื่น ให้อภัยเราไม่โต้ตอบความชั่วและต้องรู้จักภาวนากับผู้ที่ทำร้ายเราดังคำที่คุณแม่เทราซาเคยกล่าวไว้ว่า“ในโลกเรานี้อาจมีผู้คนที่ทำร้ายเราอย่างไม่ถูกต้องไม่มีเหตุผลมีผู้คนที่ประสงค์ร้ายต่อเราแต่พวกเราก็ต้องให้อภัยเขาอยู่ดีไม่เคยมีใครบอกว่าการให้อภัยเป็นเรื่องง่ายแต่ก็ไม่มีใครเคยสอนว่าการให้อภัยเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้”
…คุณพ่อปลัด…