<<<แทนคิดสักนิด..สะกิดใจ>>>
พระเยซูเจ้าประทานข่าวดีแก่โลกว่าพระเจ้าทรงเป็นบิดาของเรา เราจึงเป็นพี่น้องกัน
หลายปีมาแล้ว ระหว่างการเดินทางไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์ (อิสราเอล) เจมส์ มาร์ติน ได้ซื้อชุดการบังเกิดของพระเยซูเจ้ากลับบ้าน มีรูปพระเยซู แม่พระมารีย์ นักบุญโยเซฟ และคนเลี้ยงแกะ
เมื่อมาร์ตินได้มาถึงสนามบินที่เตล อาวิฟ เพื่อเดินทางกลับประเทศสหรัฐอเมริกา เจ้าหน้าที่ตรวจเข้มงวดมาก ได้เอ็กซเรย์ดูทุกรูปเพื่อความปลอดภัย แม้แต่รูปพระกุมารเยซู
เจ้าหน้าที่ได้ขออภัยกับมาร์ติน กล่าวว่า “เราต้องแน่ใจว่าไม่มีระเบิดในรูปชุดนี้”
หลังจากนั้น มาร์ตินได้คิดในใจว่า “เจ้าหน้าที่น่าจะรู้ว่าชุดพระกุมารเยซูนี้มีพลังระเบิดมากที่สุดในโลก” พลังระเบิดที่มาร์ติน หมายถึง มีพลังไม่มีสิ้นสุด มากยิ่งกว่าพลังระเบิดนิวเคลียร์ของสหรัฐอเมริกา และสหภาพโซเวียตรวมกันซะอีก
พลังที่ว่านี้คืออะไร ไม่ใช่พลังไม่มีขอบเขตของพระเจ้าที่ทรงสร้างโลก แต่เป็นพลังที่พระเยซูเจ้าทรงนำมาให้โลกในคืนคริสต์มาสครั้งแรก เป็นพลังที่ไม่เหมือนพลังอื่นใดที่โลกเคยรู้จักจนถึงวันนั้น
พลังนั้น คือ วิถีชีวิตที่พระเยซูเจ้าเสด็จมาอยู่ท่ามกลางเราในโลก
พระเยซูเจ้ามิได้เสด็จมาในฐานะเจ้าชาย ดำเนินชีวิตในคฤหาสน์หรูหรา ในชาติมหาอำนาจ แต่พระองค์เสด็จมาในโลก ฐานะลูกชายช่างไม้จนๆ ทรงเริ่มชีวิตในคอกสัตว์สกปรก ในชาติหนึ่งที่เล็กที่สุดในโลก
พระเยซูเจ้าเสด็จมาในโลกเหมือนคุณและผม เปลือยเปล่า ไร้ที่พึ่ง อ่อนไหว เจ็บป่วยได้ เหมือนเราแต่ละคน พระองค์ต้องรอให้คนอื่นมาช่วยดูแลเอาใจใส่ พระองค์รู้จักหิว รู้จักกระหาย รู้จักเจ็บปวด ทรงถูกดูหมิ่น ทรงถูกทอดทิ้ง ทรงสิ้นพระชนม์แบบแย่ที่สุดที่ใครเคยประสบ คือ ถูกตรึงไม้กางเขน และเมื่อพระองค์เสด็จมาในโลก ไม่มีผู้นำใหญ่โตมาต้อนรับ ไม่มีนายพล ไม่มีงานเลี้ยงฉลอง มีแต่บรรดาคนเลี้ยงแกะยากจนเป็นพยาน
พระเยซูเจ้าเสด็จมาในโลกแบบคนจน รับทุกข์ทรมาน ไร้อำนาจ แม้ถูกตัดสินว่าเป็นนักโทษ สิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำนี้นำพลังมาให้เรา
พลังยิ่งใหญ่ที่พระเยซูเจ้าทรงนำมาให้โลก เป็นพลังที่บรรจุอยู่ในเนื้อหาสาระที่พระองค์นำมา 2ประการ คือ ข่าวดีว่าพระเจ้าแห่งฟ้าดินทรงรักเราแต่ละคน โดยปราศจากข้อยกเว้น พระองค์ทรงส่งพระบุตรของพระองค์มาบอกเราโดยตรง และ พระเจ้ามิได้ทรงรักเราเท่านั้น แต่เป็นพระบิดาของเรา เราทุกคนเป็นพี่น้องกัน เราต้องรักกันและกัน
ข่าวดีนี้เป็นพระพรแห่งวันคริสต์มาสแก่เราทุกคน สิ่งที่เราพึงกระทำในเทศกาลคริสต์มาส ให้เป็นของขวัญแด่พระเจ้า คือ แสวงหาผู้ที่หลงทาง รักษาผู้บาดเจ็บ ให้อาหารผู้หิวโหย และนำสันติสุขมาสู่พี่น้องของเรา
แปลจากบทความของ Mark Link, S.J. โดย พระสังฆราช ฟรังซิสเซเวียร์ วีระ อาภรณ์รัตน์