• หน้าแรก
  • เกี่ยวกับอาสนวิหาร
    • ประวัติอาสนวิหารอัสสัมชัญ
    • สถาปัตยกรรม
    • บรรณฐาน
    • ภาษาลาตินในวัด
    • กระจกสี / stained-glass
    • รูปนักบุญ / saint sculpture
  • บริการต่างๆ
    • ล้างบาปทารก / Baptisms
    • การถ่ายภาพ / Take pictures
    • แต่งงาน / wedding
  • ติดต่อสอบถาม/Contact us
  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับอาสนวิหาร
    • ประวัติอาสนวิหารอัสสัมชัญ
    • สถาปัตยกรรม
    • บรรณฐาน
    • ภาษาลาตินในวัด
    • กระจกสี / stained-glass
    • รูปนักบุญ / saint sculpture
  • บริการต่างๆ
    • ล้างบาปทารก / Baptisms
    • การถ่ายภาพ / Take pictures
    • แต่งงาน / wedding
  • ติดต่อสอบถาม/Contact us

2018-01-28 ข้อคิดอาทิตย์ที่ 4 เทศกาลธรรมดา ปี B

ข้อคิดอาทิตย์ที่ 4 เทศกาลธรรมดาปีB

มก1: 21-28…คำสั่งสอนของพระเยซูเจ้าทำให้ผู้ฟังรู้สึกประทับใจอย่างมากเพราะทรงสอนพวกเขาอย่างทรงอำนาจ…เขาสั่งแม้กระทั่งปีศาจและมันก็เชื่อฟัง

พระวาจาของพระเยซูเจ้าเป็นพระวาจาที่พูดกับประชาชนอย่างผู้ทรงอำนาจหรืออย่างมีความน่าเชื่อถือนั่นเอง…ทำไม?…ก็เพราะว่าพระวาจาของพระองค์เป็นจริงดังที่พูดและเพราะพระวาจาของพระองค์สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราได้ถ้าหากว่าเราจะได้นำพระวาจานั้นมาปฏิบัติแต่ว่าบ่อยๆครั้งเรามักจะพึงพอใจที่จะฟังพระวาจานั้นเฉยๆโดยไม่นำเอาไปปฏิบัติ…

ข้อคิด…พระวรสารในวันนี้นักบุญมาระโกเริ่มจะบอกพวกเราถึงสิ่งที่พระเยซูเจ้าได้ทรงกระทำในการประกาศพระอาณาจักรพระเจ้า

ในบทอ่านที่หนึ่งจากหนังสือเฉลยธรรมบัญญัติซึ่งนำเสนอโมเสสว่าเป็นประกาศกแห่งอุดมการณ์เพราะโดยปรกติแล้วประกาศกจะไม่พูดด้วยอำนาจของตนเองแต่จะพูดในนามของพระเจ้าชนชาวยิวเชื่อว่าพระเจ้าจะทรงแต่งตั้งประกาศกท่านหนึ่งเฉกเช่นโมเสสในวันสุดท้ายคริสตชนรุ่นแรกๆถือว่าพระเยซูเจ้าคือประกาศกที่พวกเขาได้ตั้งหน้าตั้งตารอคอยมาคำสั่งสอนของพระองค์เป็นคำสั่งสอนที่เปี่ยมไปด้วยอำนาจและมีความน่าเชื่อถือด้วยอัศจรรย์หรือเครื่องหมายต่างๆในพระวรสารของวันนี้เราจะเห็นว่าพระเยซูเจ้าได้ทรงเทศน์สอนอย่างผู้มีอำนาจอย่างไรและประชาชนคนทั่วๆไปได้ยอมรับรู้สิ่งต่างๆเหล่านี้อย่างไร

ทุกวันนี้เราได้ยินคำกล่าวที่สะใจฟังแล้วรู้สึกว่ามันในอารมณ์จากหลากหลายบุคคลสาธารณะแต่ว่าก็ทำให้รู้สึกหดหู่เกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาพูดเพราะมีน้อยคนมากที่พูดอย่างผู้มีอำนาจและได้รับการปฏิบัติในชีวิตของพวกเขาจากสิ่งที่พวกเขาได้พูด คำพูดของคนที่อยู่ในอำนาจหรือของนักการเมืองคำพูดของพวกเขาอาจจะมีคนฟังแต่ก็ไม่มีใครอยากถืออย่างจริงจังว่าคำพูดเหล่านั้นเป็นคำพูดที่ไว้ซึ่งอำนาจและจะได้รับการปฏิบัติ

ถ้าหากว่ามีบุคคลสาธารณะจำนวนมากขาดความน่าเชื่อถือในคำพูดของพวกเขาเพราะผู้พูดเองก็ไม่เชื่อไม่มั่นใจในสิ่งที่ตัวเองกำลังพูดอยู่เพราะมิได้นำเอาไปปฏิบัติดังนั้นคำพูดของพวกเขาก็จะเป็นอะไรที่หลอกตัวเองและหลอกคนอื่นด้วย

นอกจากนั้นลักษณะนิสัยของผู้พูดก็เป็นสิ่งสำคัญมากเพราะถ้าลักษณะนิสัยของบุคคลใดบุคคลหนึ่งไม่ตรงไปตรงมาแล้วความน่าเชื่อถือของคนๆนั้นก็จะต้องถูกตีค่าต่ำลงไปมากเลยเราคงจะไม่สามารถเชื่อใจในสิ่งที่เขาพูดได้

ถ้าผู้พูดไม่ได้ใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับคำพูดของตนและนี่อาจจะเป็นสิ่งที่เลวร้ายและทำร้ายคนอื่นทำร้ายสังคมมากที่สุด

งานศาสนบริการส่วนใหญ่ของพระเยซูเจ้าน่าจะเป็นการเทศน์สอนและการเทศน์สอนของพระองค์ช่วยเพิ่มความกระปรี้กระเปร่าให้กับผู้ฟังอันแตกต่างไปจากผู้เทศน์สอนที่เป็นทางการท่านอื่นๆในเวลานั้นคือบรรดาพวกคัมภีราจารย์นั่นเองไม่มีคัมภีราจารย์คนใดที่ได้เคยแสดงออกซึ่งความคิดเห็นของตนแต่มักจะเริ่มต้นด้วยการอ้างอิงอำนาจหน้าที่ของตนว่ามาจากพระเจ้า

ส่วนพระเยซูเจ้าพระองค์ได้พูดด้วยเสียงของพระองค์เองและไม่มีความต้องการใช้เสียงของคนอื่นใดพระองค์ไม่ได้เอ๋ยถึงอำนาจอื่นๆที่ไหนและไม่ได้อ้างอิงถึงผู้ชำนาญการอื่นใดแต่ถึงกระนั้นพระองค์ได้พูดอย่างผู้ทรงอำนาจยิ่งใหญ่พระองค์ไม่มีแม้กระทั่งตำแหน่งหน้าที่อย่างเป็นทางการดังนั้นอำนาจหน้าที่ของพระองค์ได้มาจากที่ไหน?…ได้มาจากข้อเท็จจริงที่ว่าพระองค์ได้พูดความจริงซึ่งสอดคล้องกับชีวิตของพระองค์

นอกจากนั้นคำเทศน์สอนของพระเยซูเจ้ามีความสดตรงไปตรงมาและมีความโปร่งใสเช่นตัวอย่างคำพูดของพระองค์ที่ว่า“ไม่มีใครรับใช้นายสองคน(พร้อมๆกัน)ได้…นครที่ตั้งอยู่บนเนินเขาก็ไม่สามารถบังซ่อนตัวเองได้…อูฐไม่สามารถลอดผ่านรูเข็มได้…และไม่มีใครเก็บลูกมะเดื่อจากกอหนาม”ดังนี้เป็นต้น

คำเทศน์สอนของคัมภีราจารย์ผิดพลาดตรงที่ว่าไม่สามารถหล่อเลี้ยงจิตใจประชาชนได้แต่คำเทศน์สอนของพระเยซูเจ้าสามารถหล่อเลี้ยงหัวใจและจิตวิญญาณของผู้ฟังอาจารย์บางคนเพียงแต่จัดหาข้อเท็จจริงให้เท่านั้นส่วนบางคนก็ให้แต่วิสัยทัศน์แรงบันดาลใจและความหมาย

แม้นักบุญมาระโกจะบอกเราว่า“คำสั่งสอนของพระเยซูเจ้าทำให้ผู้ฟังรู้สึกประทับใจ” แต่ท่านก็ไม่ได้บอกเราว่าพระเยซูเจ้าได้ทรงพูดอะไรไว้นี่ดูเหมือนจะเป็นการบอกที่มีนัยยะว่าเป็นองค์พระเยซูเจ้านั่นเองแหละที่เป็นคำเทศน์สอนของพระองค์ที่ได้สร้างความประทับใจให้กับผู้ฟัง

เมื่อคนเราที่ได้ทำอะไรบางอย่างหรือกำลังทำอะไรอยู่เริ่มที่จะพูดประชาชนก็จะรับฟังคำพูดของเขาจะมีน้ำหนักมากขึ้นแม้จะมีหลายๆคนอาจจะเกิดความสงสัยในสิ่งที่เขาพูดแต่พวกเขาก็จะเชื่อในสิ่งที่เขาทำเราต้องไม่ลืมว่าจุดอ่อนของคำพูดมากมายของเราเกิดจากข้อเท็จจริงที่ว่ามันมิได้ถูกนำไปใช้ด้วยการกระทำหรือไปพร้อมๆกันกับการกระทำหรือแม้แต่ถูกตามด้วยการกระทำ

          มีสิ่งหล่อเลี้ยงสำหรับชีวิตของเราในพระวาจาของพระเยซูเจ้าแต่เป็นการไม่เพียงพอที่จะฟังเฉยๆแต่เมื่อฟังแล้วเราจะต้องนำเอามาเป็นชีวิตถ้าเราเจริญชีวิตด้วยอะไรอย่างอื่นที่ไม่ใช่ความจริงที่เป็นพระวาจาทรงชีวิตขององค์พระเยซูเจ้าชีวิตของเราก็จะไม่ได้รับการหล่อเลี้ยงด้วยสิ่งดีๆที่น่าเชื่อถือในสายตาของคนทั่วๆไป

สวัสดี…พ่อวีรศักดิ์

เกี่ยวกับวัดฯ

  • ประวัติอาสนวิหาร
  • แม่พระอัสสัมชัญ
  • บรรณฐาน
  • สถาปัตยกรรม
  • กระจกสี
  • ภาษาลาตินในวัด

บริการต่างๆ

  • ล้างบาปทารก / Baptisms
  • แต่งงาน / Wedding
  • การขออนุญาตถ่ายภาพ

สารวัดย้อนหลัง

  • บทสนทนาจากเจ้าอาวาส
  • คิดสักนิด...สะกิดใจ...
  • ปลัดแก่ ซอย40
  • ปี 2012

บุคลากร/องค์กรต่างๆในวัด

  • พระสงฆ์
  • สำนักงานวัด
  • สภาภิบาล
  • นักขับร้อง
  • สโมสรเยาวชน

ลิงค์คาทอลิก

  • สภาสังฆราชคาทอลิกประเทศไทย
  • อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
  • หอจดหมายเหตุ อัครสังฆมณฑลฯ
  • สื่อมวลชนคาทอลิกประเทศไทย
Facebook-f Youtube