แทนคิดสักนิด…สะกิดใจ
เทศกาลมหาพรต
…โดยคุณพ่อวีรศักดิ์วนาโรจน์สุวิช
โมเสสได้ขึ้นไปอยู่บนภูเขาซีนายเป็นเวลาสี่สิบวัน เพื่อรับบทบัญญัติแห่งพันธสัญญา พระเยซูเจ้าทรงจำศีลอดอาหารสี่สิบวันในถิ่นทุรกันดารก่อนเริ่มภารกิจของพระองค์ คริสตชนจึงเตรียมตัวเพื่อฉลองธรรมล้ำลึกแห่งปัสกาของการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนพระชนมชีพของพระคริสตเจ้าด้วยเทศกาลใช้โทษบาปซึ่งยาวนานสี่สิบวันเช่นกัน
การใช้โทษบาปเป็นส่วนหนึ่งของปรัชญาชีวิตของคริสตชน วิธีการอาจเปลี่ยนแปลงไปบ้างแต่จะแยกความคิดนี้ออกจากชีวิตคริสตชนไม่ได้การใช้โทษบาปเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับบาปและการกลับใจ หมายถึงการเกลียดชังความชั่วร้ายภายในและรอบข้างตัวเราและสิ่งสำคัญคือการกลับใจหาพระเจ้าด้วยความรัก
วิธีบรรลุถึงการกลับใจภายในนี้คือการถือมหาพรตด้วยการภาวนาการทำกิจเมตตาและการจำศีลอดอาหารสิ่งเหล่านี้ไม่ควรถือเป็นเรื่องล้าสมัยอย่างไรก็ตามเป็นความจริงที่ว่าความสำคัญของ“การทำกิจการใช้โทษบาป” โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสวดภาวนาให้มากขึ้นและเข้มข้นขึ้นเป็นพิเศษการทำบุญให้ทานการทำความดีให้กับคนอื่นมากขึ้นการจำศีลการอดเนื้ออดอาหารการอดหรือละเว้นสิ่งที่ชอบฯลฯในระหว่างเทศกาลมหาพรตอาจเคยได้รับการย้ำจนเกินไปในอดีตแต่ก็ไม่ควรละเลยหรือทำเป็นหูทวนลม
สิ่งที่เราอดและละเว้นในเทศกาลมหาพรตเป็นการตัดสินใจส่วนตัว แต่ควรสัมพันธ์กับการกลับใจภายในหาพระเจ้า “เมื่อแต่ละคนบำเพ็ญศาสนกิจประกอบกิจเมตตาปรานีโดยขะมักเขม้นยิ่งขึ้นอีกทั้งรับศีลศักดิ์สิทธิ์อันนำชีวิตใหม่มาให้แล้วจะได้รับพระหรรษทานบันดาลให้เป็นบุตรพระเจ้าโดยสมบูรณ์” (บทเริ่มขอบพระคุณสำหรับเทศกาลมหาพรตแบบที่1)
ตัวเลข40 แห่งเทศกาลมหาพรตมีความหมายต่อคริสตชนในหลายแง่มุมตามที่ปรากฏในพระคัมภีร์โดยเฉพาะอย่างยิ่งการระลึกถึงการอดอาหาร 40 วันของพระเยซูเจ้าในถิ่นทุรกันดารก่อนที่ปฏิบัติภารกิจของพระองค์ ระลึกถึงเหตุการณ์ที่ชาวอิสราเอลต้องรอนแรมอยู่ในถิ่นทุรกันดารถึง40 ปีในสมัยโมเสส ระลึกถึงเหตุการณ์ที่พระเจ้าทรงกระทำให้มีฝนตกติดต่อกัน 40 วัน40 คืนในสมัยของโนอาห์ ส่วนโมเสสก็ได้ขึ้นไปอยู่บนภูเขาซีนายเป็นเวลา40 วันเพื่อรับพระบัญญัติของพระเป็นเจ้านอกนั้นยังรวมไปถึง40 วัน ของการที่ประกาศกโยนาห์ประกาศการกลับใจแก่ชาวเมืองนินะเวห์
สำหรับคริสตชน40 วันแห่งเทศกาลมหาพรตจึงเป็นช่วงเวลาแห่งการดำเนินชีวิตร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูเจ้าในพระทรมานบนเส้นทางแห่งไม้กางเขนของพระองค์เพื่อจะได้กลับคืนชีพพร้อมกับพระองค์เพราะฉะนั้นเทศกาลมหาพรตจึงเป็นเทศกาลแห่งการสำนึกในความผิดบาปและการกลับใจเสียใหม่เป็นเทศกาลแห่งการสำรวจตนเองว่าได้ดำเนินชีวิตอย่างมีคุณค่าต่อพระเยซูเจ้าพระผู้ไถ่ของเราหรือไม่
ข้อกำหนดของพระศาสนจักรในเทศกาลมหาพรต
เพื่อจะได้ดำเนินชีวิตอย่างถูกต้องตามจิตตารมณ์ของเทศกาลมหาพรตขอให้ปฏิบัติตามจิตตารมณ์ของพระศาสนจักรดังต่อไปนี้
1. ตามพระบัญญัติของพระเป็นเจ้าคริสตชนทุกคนต้องชดเชยใช้โทษบาปของตนตามวิธีการของแต่ละคนและเพื่อการปฏิบัติร่วมกันจึงได้กำหนดวันชดเชยใช้โทษบาปซึ่งคริสตชนจะได้สวดภาวนาปฏิบัติกิจเมตตาปรานีและความรักเป็นพิเศษเสียสละตนเองและทำหน้าที่ของตนอย่างซื่อสัตย์(มรตรา1249)
2. ทุกวันศุกร์ตลอดปีและทุกวันในเทศกาลมหาพรตเป็นวันพลีกรรมในพระศาสนจักรทั่วไป(มาตรา1250)
3. ทุกวันศุกร์ตลอดปียกเว้นวันฉลองใหญ่เป็นวันอดเนื้อหรืออดอาหารอื่นตามข้อกำหนดของสภาพระสังฆราชฯวันพุธรับเถ้าและวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์เป็นวันอดเนื้อและอดอาหาร(มาตรา1251)
4. คริสตชนทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 14 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปต้องอดเนื้อและคริสตชนทุกคนที่มีอายุตั้งแต่18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปจนถึง59 ปีบริบูรณ์ต้องอดอาหาร
เป็นหน้าที่ของผู้อภิบาลและบิดามารดาที่จะต้องอบรมผู้น้อยที่ยังไม่ต้องถือกฎการอดเนื้อและอดอาหารให้เข้าใจจิตตารมณ์ของการพลีกรรม(มาตรา1252)
สำหรับประเทศไทยอาศัยอำนาจตามมาตรา1253 ของกฎหมายพระศาสนจักรสภาพระสังฆราชฯจึงกำหนดวิธีการอดเนื้อและอดอาหารดังต่อไปนี้
การอดเนื้อ
ผู้ที่ได้ปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งตามกำหนดนี้ถือว่าได้ถือตามกฎการอดเนื้อคือ
ก.อดเนื้อ
ข.ปฏิบัติกิจศรัทธานอกเหนือไปจากที่เคยปฏิบัติอาทิเดินรูป14 ภาคเฝ้าศีลมหาสนิทสวดสายประคำฯลฯ
ค.ปฏิบัติกิจเมตตาปรานีเช่นให้ทานคนจนเยี่ยมคนเจ็บป่วยฯลฯ
ง.งดเว้นอาหารหรือสิ่งที่เคยปฏิบัติเป็นประจำอาทิงดดื่มสุราและเบียร์ งดสูบบุหรี่
จ.รู้จักอดออมและละเว้นความฟุ้งเฟ้อต่างๆ
การอดอาหาร
หมายถึงการรับประทานอาหารอิ่มเพียงมื้อเดียว
พระเจ้าตรัสว่า:
“การถืออดอาหารอย่างที่เราต้องการเป็นดังนี้แก้โซ่ที่ล่ามคนที่เจ้ากดขี่เสียเถิดและเลิกทำสิ่งที่ไม่ยุติธรรมปล่อยคนที่เจ้ากดขี่ข่มเหงไปเสียแบ่งปันอาหารให้ผู้ที่หิวโหยเปิดประตูรับคนยากจนไร้ที่อยู่อาศัยให้เสื้อผ้าแก่ผู้ที่ไม่มีใส่อย่าละเลยต่อการช่วยเหลือญาติพี่น้องของเจ้า” (อสย58: 6–7)…