วันธรรมดาในเทศกาลมหาพรต
ปกติแล้วมิสซาวันธรรมดาพระสงฆ์จะใช้บทภาวนาของวันอาทิตย์นั้นๆไปตลอดทั้งสัปดาห์แต่ในเทศกาลมหาพรตจะมีบทภาวนาเฉพาะของแต่ละวันซึ่งบทภาวนาของประธานแต่ละวันก็ล้วนมุ่งเน้นย้ำให้ประชาสัตบุรุษมีจิตใจมั่นคงในความเชื่อสำนึกผิดกลับใจฯลฯ
ที่พิเศษเพิ่มเติมดังปรากฏในหนังสือพิธีกรรมฉบับใหม่คือในตอนท้ายของมิสซาจะมีบทอวยพรประชากร(เลือกสวดหรือไม่สวดก็ได้,ไม่บังคับ)
บทอวยพรประชากรนี้มีที่มาคือในสมัยก่อนคนที่ออกเดินทางไกลเช่นกลาสีออกเรือทหารออกรบจะมาหาพระสังฆราชให้ช่วยอวยพรพิเศษเพื่อให้พวกเขาพ้นจากภยันตรายใดๆต่อมาเริ่มมีการอวยพรแก่สัตบุรุษเป็นพิเศษทุกๆวันตลอด40 วันของเทศกาลมหาพรตเพราะเป็นช่วงเวลาที่เราต้องเพียรพยายามเอาชนะการประจญการล่อลวงรวมทั้งอันตรายใดๆโดยเฉพาะทางด้านจิตใจดังนั้นมหาพรตเป็นเสมือนช่วงเวลาของการเดินทางฝ่ายจิตเป้าหมายคือการฉลองปัสกาซึ่งเราจะต้องประคองชีวิตให้อยู่ในความดีอยู่ในศีลในพรของพระเพื่อจะได้ฉลองปัสกาด้วยความชื่นชม ยินดีอย่างแท้จริง
บทอวยพรประชากรนี้พระสงฆ์จะสวดตอนท้ายมิสซาเมื่อทักทาย”พระเจ้าสถิตกับท่าน“และสัตบุรุษตอบรับแล้วก็จะสวดบทนี้ต่อด้วยการอวยพรและกล่าวปิดพิธี
มหาพรตเวลาแห่งการคืนดี
เทศกาลมหาพรตคือช่วงเวลาแห่งการไตร่ตรองชีวิตด้วยความสุภาพถ่อมตนสำนึกในความผิดบาปของเราและปรารถนาจะคืนดีกับพระกับเพื่อนพี่น้องและกับตนเอง
จึงเป็นคำแนะนำอย่างแข็งขันที่วัดแต่ละแห่งจะมุ่งให้ความสำคัญกับศีลอภัยบาปคือเอื้ออำนวยให้สัตบุรุษได้มาคืนดีกับพระทั้งด้วยการโปรดศีลอภัยบาปปกติและจัดวจนพิธีกรรมศีลอภัยบาปหรืออาจจะเชิญพระสงฆ์จากต่างวัดมาช่วยโปรดศีลอภัยบาป(สลับ,แลกเปลี่ยนกัน)
ช่วงมหาพรตยังเป็นช่วงของการ“ทำปัสกา”อันหมายถึงการมาวัดมารับศีลอภัยบาปร่วมมิสซารับศีลมหาสนิทกำหนดเวลาของการ”ทำปัสกา” เริ่มในวันพุธรับเถ้าจนถึงวันสิ้นสุดเทศกาลปัสกาคือวันสมโภชพระจิต
…คุณพ่อปลัด…