แทนคิดสักนิด…สะกิดใจ
โอกาสครบ 35 ปี การเสด็จเยือนประเทศไทย ของนักบุญยอห์นปอลที่ 2 พระสันตะปาปา
10-11 พฤษภาคม 1984
“ขอถวายพรแด่พระเยซูคริสตเจ้า”
วันนี้เป็นวันครบรอบ 35 ปี ของการเสด็จมาเยือนประเทศไทยของนักบุญยอห์น ปอลที่ 2 สมเด็จพระสันตะปาปา ในระหว่างวันที่ 10-11 พฤษภาคม 2527 โดยภารกิจสุดท้ายในวันที่ 10 พฤษภาคม สมเด็จพระสันตะปาปาทรงเสด็จไปเป็นประธานในพิธีบูชามิสซาที่สนามศุภชลาศัย
สนามศุภชลาศัยได้เปิดให้ประชาชนเข้านั่งได้ตั้งแต่เวลา 14.00 น. โดยด้านนอกของสนามกีฬามีลูกโป่งสีขาวเขียนว่า WELCOME TO THAILAND” จำหน่าย นอกนั้นยังมีสินค้าเช่น โคมไฟกระดาษข้างๆโคมมีบทเพลง รูปพระฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระสันตะปาปาทั้งสี่ด้าน ราคาโคมละ 5 บาท สำหรับจุดในระหว่างมิสซาตอนหัวค่ำ คาดว่ามีประชาชนมาร่วมพิธีมิสซาในวันนั้นประมาณ 50,000 คน ผู้มาอำนวยการด้านความปลอดภัยในงานนี้คือ พล.ต.อ.ณรงค์ มหานนท์ อธิบดีกรมตำรวจ
สมเด็จพระสันตะปาปาทรงเสด็จพระดำเนินมาถึงสนามศุภชลาศัยในเวลา 16.46 น. เมื่อเสด็จถึงได้มีฝนตกลงปรอยๆจากนั้นก็ตกหนักแต่เพียงชั่วครู่เดียวก็หยุด พร้อมกันนั้นก็มีเสียงถวายพระพรจากประชาชนดังก้องทั่วสนามนั้น แล้วพระองค์ทรงขึ้นประทับเพื่อทรงชมการรำถวายพระพรของนักเรียนหญิงจาก 8 โรงเรียนในชุดไทยสีเหลืองและขาวอันเป็นสีของวาติกัน จำนวน 507 คน รวมถึงนักเรียนจากโรงเรียนอัสสัมชัญซึ่งทำหน้าที่แปลอักษรในงานนี้
เมื่อถึงเวลาอันควร จึงทรงเสด็จไปเปลี่ยนอาภรณ์เพื่อประกอบพิธีมิสซา โดยมีพระสังฆราชและพระสงฆ์จากไทยและประเทศต่างๆเข้าร่วมพิธีจำนวนมาก เมื่อเสด็จถึงพระแท่นได้ทรงตรัสเป็นภาษาไทยว่า “ขอถวายพรแด่พระเยซูคริสตเจ้า” จากนั้นพระคาร์ดินัลมีชัย กิจบุญชูได้ถวายรายงาน แล้วบูชามิสซาจึงเริ่มต้นขึ้น ทรงถวายกำยานแด่พระแท่นและเริ่มพิธีมิสซาต่อไป โดยพระดำรัสที่ทรงตรัสในบทเทศน์ท่อนหนึ่งใจความว่า “ท่านอาจจะเป็นส่วนน้อยของประชาชนในประเทศของท่านและเป็นฝูงแกะน้อยๆของบรรดาผู้เป็นศิษย์ของพระคริสตเจ้า แต่พระคริสตเจ้าผู้ทรงพระทัยดีทรงห่วงใยท่าน ทรงดูแลพวกท่านด้วยความรักเป็นพิเศษ ท่านมีบุญที่ได้อาศัยอยู่ในราชอาณาจักรซึ่งประชากรมีเสรีภาพในการนับถือศาสนาทั้งชายและหญิง มีเสรีภาพที่จะนมัสการพระเจ้า นอกจากนี้ท่านพบว่าตัวเองอยู่ในสังคมซึ่งเพื่อนร่วมชาติส่วนมากนับถือพุทธศาสนา อันประกอบด้วยความเชื่อในด้านศาสนาและข้อคิดปรัชญาหลายประการซึ่งฝังลึกอยู่ในประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมและจิตใจของคนไทยซึ่งมีประสิทธิผลต่อเอกลักษณ์ของประเทศชาติ จึงอาจกล่าวได้ว่าในฐานะที่ท่านเป็นพลเมืองไทย ท่านเป็นผู้ได้รับมรดกความปรีชาฉลาดซึ่งมีมาแต่โบราณกาลและน่านับถือยิ่ง”
เมื่อจบมิสซาทรงมีพระดำรัสเป็นภาษาไทยอีกครั้งหนึ่งว่า “ขออวยพรลูกๆทุกคน พ่อรักเมืองไทย” โอกาสนี้นางสาวจุฑามาศ แสนยากุล เผ่าม้งได้นำผ้าปักแบบเผ่าม้งผืนใหญ่ขึ้นถวาย นายมีชัย ใจบุญ ปกาเกอะญอจากแม่ฮ่องสอนนำชุดแบบปกาเกอะญอถวาย รวมถึงมีผู้ถวายของที่ระลึกอีกหลายอย่าง ภายหลัง ทรงได้มอบรางวัลสื่อมวลชนและทำการเสกระฆังรวมถึงป้ายศิลาของคณะนักบวชอีกทั้งสถาบันคาทอลิก เพื่อนำไปติดไว้ยังอาคารต่างๆต่อไป เมื่อทุกอย่างจบเรียบร้อยแล้ว เวลา 20.05 น. ทรงเสด็จไปประทับแรมที่สถานเอกอัครสมณทูตวาติกันประจำประเทศไทย ถนนสาทร
“ขอขอบใจประชาชนชาวไทยทุกคน ขออวยพรลูกๆทุกคน”
วันนี้เป็นอีกวันที่ถือว่าครบ 35 ปี ของการเสด็จมาเยือนประเทศไทยของนักบุญยอห์น ปอลที่ 2 สมเด็จพระสันตะปาปา ในระหว่างวันที่ 10-11 พฤษภาคม 2527 โดยภารกิจวันที่สองหลังจากเสด็จไปเยี่ยมค่ายผู้อพยพที่พนัสนิคมแล้ว สมเด็จพระสันตะปาปาทรงเสด็จไปที่อาสนวิหารอัสสัมชัญ จุดประสงค์เพื่อพบกับพระสงฆ์ นักบวชชายหญิง
เมื่อสมเด็จพระสันตะปาปาทรงเสด็จพระดำเนินถึงอาสนวิหารอัสสัมชัญในเวลาประมาณ 11.45 น. ระหว่างสองข้างทางมีนักเรียนจากทั้งสามโรงเรียนบริเวณอาสนวิหารรับเสด็จ อันดับแรกเสด็จเข้าไปยังสำนักพระสังฆราชอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ เมื่อเสด็จเข้าอาสนวิหาร มีพระสงฆ์นักบวชชายหญิงยืนรอเข้าเฝ้าอยู่จำนวนมาก ด้านบนข้างพระแท่นเป็นเหล่าพระสังฆราช อธิการเจ้าคณะของคณะนักบวชต่างๆและชีลับ เมื่อเสด็จถึงหน้าพระแท่นทรงย่อพระชานุลงกับพื้นเพื่อนมัสการศีลมหาสนิท พระคาร์ดินัลมีชัย กิจบุญชูถวายรายงาน ต่อจากนั้นทุกคนภายในอาสนวิหารได้ร้องเพลง “แฮปปี้เบิร์ธเดย์” ถวาย เนื่องจากวันคล้ายวันประสูติในวันที่ 18 พฤษภาคม เมื่อเพลงจบลง พระองค์ทรงตรัสว่า “ยังไม่มีอายุมากเท่าที่ท่านคิด” เมื่อมีการภาวนาแล้ว ทรงตรัสเป็นภาษาไทยว่า “ขอถวายพรแด่พระเยซูคริสตเจ้า” แล้วจึงมีพระดำรัสต่อไปว่า ดีใจที่ได้พบทุกคนที่มีความศรัทธายิ่งใหญ่ ณ ที่นี้ ยินดีที่ได้เป็นผู้รับใช้พระเป็นเจ้า ณ ที่นี้ และทรงหวังไว้ซึ่งความสันติสุข พร้อมทั้งทรงอวยพรให้ทุกคนมีความสุข การเยือนเมืองไทยครั้งนี้เป็นการดีที่ได้พบกับบรรดาคริสตชนชาวไทย เพื่อปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเยซูเจ้า และภาวนาให้พระองค์เองสามารถทำหน้าที่ของนักบุญเปโตรได้อย่างเต็มที่เพื่อพระเป็นเจ้า อีกทั้งทรงตรัสถึงหน้าที่และความสำคัญของการเป็นนักบวชในพระศาสนจักร แล้วจึงมีพระดำรัสเป็นภาษาไทยอีกว่า “ขอขอบใจประชาชนชาวไทยทุกคน ขออวยพรลูกๆทุกคน ขอบใจ” ต่อด้วยการร้องเพลงสรรเสริญแม่พระ อีกทั้งพระองค์ยังทรงประทานจอกกาลิกส์เป็นท่ีระลึกแด่พระคาร์ดินัลมีชัย
นอกจากนั้นพระองค์ทรงอวยพรเยาวชนที่อยู่ด้านนอกว่า ทรงขอบใจอย่างลึกซึ้งและจะระลึกถึงผู้ที่เป็นกำลังให้แก่ชาติและโลก และขอให้พระเป็นเจ้าอวยพรให้กับเขาเหล่านั้น จากนั้นพระคาร์ดินัลมีชัยได้ถวายของที่ระลึกประกอบไปด้วยไม้แกะสลักเป็นรูปวัฒนธรรมจากช่างเชียงใหม่ โต๊ะเก้าอี้ทำจากย่านลิเภา และศิลาจารึกหลักที่หนึ่งจำลอง แล้วทรงเสด็จลงจากบริเวณพระแท่น ลงทางด้านขวาเพื่อพบปะกับเหล่านักบวชอย่างใกล้ชิด และทรงตรัสว่าเพื่อความยุติธรรมจึงทรงเสด็จไปด้านซ้ายของอาสนวิหารเช่นกัน ด้านนอกของอาสนวิหารมีประชาชนมารอต้อนรับอย่างเนืองแน่น เมื่อถึงเวลาอันสมควรจึงเสด็จขึ้นรถยนต์พระที่นั่งบริเวณด้านหน้าโรงเรียนอัสสัมชัญคอนแวนต์กลับยังสถานเอกอัครสมณทูตวาติกันในเวลาประมาณ 12.45 น
#35ปีpopeเสด็จเมืองไทย
#350ปีมิสซังสยาม
#100ปีอาสนวิหารอัสสัมชัญ
จาก Facebook: Puttipong Puttansri