แทนคิดสักนิด…สะกิดใจ
ชุมชนมิสซา10.00 น. แห่งอาสนวิหารอัสสัมชัญ
เราทุกคนเปรียบเสมือนพระศาสนจักรคาทอลิก พระศาสนจักรคือประชากรของพระเจ้าซึ่งรวมตัวกันเพื่อมนัสการพระเป็นเจ้า พระศาสนจักรคือประชากรของพระเจ้าผู้ดำเนินชีวิตและประกาศพระวรสาร
เมื่อได้รับการขอให้เขียนบทความสำหรับมิสซา10.00 น. ของอาสนวิหารอัสสัมชัญ เนื่องในโอกาสการเฉลิมฉลองครบรอบ100 ปีของอาสนวิหารข้าพเจ้าพินิจรำพึงสะท้อนความคิดว่าพวกเราคือใครในพระศาสนจักรคาทอลิกแน่นอนว่าอาสนวิหารของเรานั้นเป็นอาคารสถาปัตยกรรมที่มีความงดงามเป็นอย่างยิ่งแต่นั่นก็มิใช่เหตุผลที่เรามารวมตัวกันสิ่งที่สำคัญมากกว่านั้นคือแท้จริงแล้วเราเป็นใครในการที่เรามาอยู่รวมกันเพื่อบูชาศีลมหาสนิท แน่นอนว่าเราทุกคนมารวมตัวกันมาพบปะเพื่อนที่รู้จักแต่ยังมีเหตุผลที่ลึกซึ้งมากกว่าการมาเจอเพื่อนแน่นอนว่าเราทุกคนมารวมตัวกันเพื่อรับฟังบทเพลงและดนตรีที่ไพเราะทุกวันอาทิตย์แต่ก็มีเหตุผลที่ลึกซึ้งและสำคัญยิ่งกว่าการมาฟังดนตรีที่ไพเราะที่ทำให้เราทุกคนมารวมตัวกันณที่นี้
เหตุผลที่แท้จริงนั้นคือการที่เราเป็นคริสตชนผู้ได้รับศีลล้างบาปและโดยอาศัยศีลล้างบาปนั่นเองเราได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของพระวรกายของพระเยซูคริสตเจ้าและมีส่วนร่วมในสังฆภาพหนึ่งเดียวของพระคริสตเจ้า
และในการที่เราเป็นส่วนหนึ่งของพระกายของพระคริสตเจ้านั้นเราจึงมารวมกันเพื่อระลึกถึงการเฉลิมฉลองศีลมหาสนิทระลึกถึง“สิ่งที่เราเป็น” นั่นคือพระกายของพระคริสตเจ้านี่คือสิ่งที่เราทำร่วมกันเพื่อเป็นการบ่งบอกและประกาศว่าเราเป็นใครนี่คือสิ่งที่เราทำเพื่อเป็นการใช้ชีวิตซึ่งแสดงออกถีงความเป็นคริสตชนและนี่คือสิ่งที่เราทำทุกวันอาทิตย์และยังคงทำต่อไปอย่างดี
ศีลมหาสนิทถือเป็นหัวใจสำคัญของชีวิตคริสตชนสภาสังคายนาวาติกัน(ครั้งที่2) ได้กล่าวว่า“พิธีกรรมเป็นยอดสูงสุดและเป็นบ่อเกิดแห่งชีวิตของเรา” เป็นสิ่งที่กิจการตลอดทั้งสัปดาห์ของเรามุ่งไปสู่ทำให้พวกเราได้มาอยู่ร่วมกันเพื่อขอบพระคุณพระเจ้าและเป็นจุดเริ่มต้นของสัปดาห์ต่อไปที่เราจะก้าวออกจากพระศาสนจักรเพื่อดำเนินชีวิตตามที่เราได้ประกาศยืนยันในทุกๆวันอาทิตย์
ไม่ว่าเราจะไปนมัสการพระเจ้าในอาสนวิหารอันสง่างามในกรุงเทพหรือวัดที่ซอมซ่อในป่าละเมาะเราก็ยังคงเป็นประชากรเดียวกันเป็นพระกายของพระเยซูคริสตเจ้าซึ่งเป็นเครื่องหมายที่บ่งบอกว่าเราเป็นใครให้เราขอบคุณพระสำหรับชีวิตที่พระเป็นเจ้าประทานให้ให้เราได้ดำรงชีวิตเพื่อเป็นประจักษ์พยานต่อโลกว่าเราเป็นใครด้วยการใช้ชีวิตแบบคริสตชน
เราทุกคนล้วนดำรงชีวิตเปรียบเป็นพระศาสนจักรเริ่มต้นจากภายในจิตใจของเราในบ้านบนท้องถนนแม้กระทั่งในที่ทำงานเพื่อที่เราจะยังคงเป็นพระศาสนจักรเมื่อเรามาเจอกันเพื่อร่วมใจกันถวายบูชามิสซาด้วยกันในวันอาทิตย์เราทุกคนได้ร่วมส่วนในสังฆภาพหนึ่งเดียวของพระคริสตเจ้าผ่านทางศีลล้างบาปซึ่งเอกสารของพระศาสนจักรเรียกการร่วมส่วนนี้อย่างชัดเจนว่า“การเป็นสงฆ์แห่งศีลล้างบาป” แน่นอนว่ามี“สังฆภาพแห่งการเป็นศาสนบริกร” ซึ่งได้รับสืบทอดผ่านทางศีลบวชของบรรดาสังฆานุกรพระสงฆ์และพระสังฆราชแต่ความเป็นสงฆ์เช่นนี้มิได้ดำรงอยู่อย่างเอกเทศหน้าที่หลักของศาสนบริกรสงฆ์คือการเสริมสร้างความเป็นสงฆ์แห่งศีลล้างบาปของสัตบุรุษผู้เป็นประชากรของพระเจ้า
และนี่คือเหตุผลที่เรามารวมตัวกันในพิธีมิสซาวันอาทิตย์นี่คือสิ่งที่เราคริสตชนทำเพื่อแสดงออกว่าเราเป็นใครเราเป็นส่วนหนึ่งของพระศาสนจักรและเราทุกคนมีส่วนช่วยในการร่วมสร้างพระศาสนจักรให้เราเป็นศิษย์ติดตามพระเยซูอย่างมีความเชื่อมารวมกันเพื่อร่วมในมิสซาทุกวันอาทิตย์และร่วมมือกันทำให้การใช้ชีวิตในโลกนี้เป็นการดำรงชีวิตเพื่อการประกาศพระวรสารต่อไป
คุณพ่อจอห์นพ. เมอร์เรosa.
แปลและเรียบเรียงภาษาไทยโดยจิตราแท่นชวาล/ สรินยาแท่นชวาล/ ฉมามาศรอดชมภู