แทนคิดสักนิด…สะกิดใจ
สรุปพระสมณลิขิต“Aperuit Illis”
“พระองค์ทรงเปิดใจของพวกเขา…”(ลก. 24:25)
“วันอาทิตย์แห่งพระวาจาของพระเจ้า”
พระสันตะปาปาฟรังซิส ทรงประกาศพระสมณลิขิต Aperuit Illisในวันที่ 30 กันยายน ค.ศ. 2019 (โอกาสเริ่มฉลองครบรอบ 1600 ปีแห่ง มรณกรรมของนักบุญเยโรม 30 กันยายน ค.ศ. 420-2020) พระสมณลิขิตฉบับนี้มีทั้งหมด 15 ข้อ สรุปเป็นประเด็นสำคัญ 4 เรื่องคือ
1. วันอาทิตย์แห่งพระวาจาของพระเจ้า
2. ความสำคัญของพระคัมภีร์
3.การอ่านพระคัมภีร์อย่างสม่ำเสมอและดำเนินชีวิตเป็นประจักษ์พยานตามพระวาจาของพระเจ้า
4. ศาสนบริกรผู้ทำหน้าที่ประกาศพระวาจา
ข้อความสำคัญจากพระสมณลิขิตแต่ละข้อ
ข้อ 1ความสัมพันธ์ระหว่างพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเสด็จกลับคืนพระชนม์ ชุมชน และพระคัมภีร์ คือแก่นแห่งอัตลักษณ์ของพวกเราในฐานะที่เป็นคริสตชน
ข้อ 2พระศาสนจักรทั้งมวลทำการเฉลิมฉลองด้วยเป้าประสงค์เดียวกัน นั่นคือ วันอาทิตย์แห่งพระวาจาของพระเจ้า บัดนี้ต้องกระทำให้เป็นสิ่งปกติสำหรับชุมชน คริสตชนที่จัดเวลาพิเศษไว้เพื่อไตร่ตรองถึงความสำคัญอันยิ่งใหญ่แห่งพระวาจาของพระเจ้าเพื่อการดำเนินชีวิตประจำวัน
ข้อ 3 วันอาทิตย์ที่สามของเทศกาลธรรมดาจะเป็นวันที่อุทิศให้กับการฉลอง การศึกษา และการเผยแผ่พระวาจาของพระเจ้า
-ความสำคัญอยู่ที่การเฉลิมฉลองข้อความพระคัมภีร์ท่ีใช้ในการเฉลิมฉลอง ศีลมหาสนิท (พิธีบูชาขอบพระคุณ) เพื่อให้สัตบุรุษมุ่งความสนใจไปยังคุณค่าแห่งพระวาจาของพระเจ้า
– ในวันอาทิตย์นี้เองจะมีความเหมาะสมเป็นพิเศษที่จะให้ความสำคัญไปยังการประกาศพระวาจาของพระเจ้าและเน้นให้เกียรติพระวาจาในบทเทศน์
– อาจทำพิธีแต่งตั้งผู้อ่านหรือจัดอะไรทำนองนี้เพื่อที่จะชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการประกาศพระวาจาของพระเจ้าในจารีตพิธี
-ในบริบทนี้ควรรื้อฟื้นความพยายามที่จะให้การอบรมสัตบุรุษซึ่งจำเป็นที่จะต้องเป็นผู้ประกาศพระวาจาที่แท้จริง
-อาจมอบหนังสือพระคัมภีร์ หรือหนังสือศรัทธาสักเล่มหนึ่งแก่บรรดาสัตบุรุษ สำหรับการเรียนรู้และการอ่าน เพื่อสร้างความชื่นชอบ ปลุกจิตสำนึกในการสวดภาวนาและอ่านพระคัมภีร์ทุกวัน
ข้อ 4พระคัมภีร์เป็นหนังสือสำหรับประชากรของพระเจ้าซึ่งในการฟังพระวาจาเหล่านั้นจะขับเคลื่อนจากการที่ต่างคนต่างอยู่และแตกแยกกันสู่ความเป็นหนึ่งเดียวกัน
ข้อ 5ผู้นำพระศาสนจักร (คือ พระสังฆราช พระสงฆ์ และสังฆานุกร) ต้องเป็นผู้รับผิดชอบคนแรกที่ต้องอธิบายพระคัมภีร์และช่วยให้ทุกคนเข้าใจ
-ต้องอุทิศเวลาอย่างเพียงพอในการเตรียมบทเทศน์
-อย่าได้เบื่อที่จะอุทิศเวลาและการสวดภาวนาต่อพระคัมภีร์
–ครูคำสอนก็เช่นเดียวกัน(อีกทั้งบรรดานักบวชผู้ถวายตนและพี่น้องคริสตชนทุกคนด้วย)ในพันธกิจช่วยเหลือผู้คนให้เจริญเติบโตขึ้นในความเชื่อ ควรที่จะมีความรู้สึกว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องฟื้นฟูตนเองโดยอาศัยความคุ้นเคยและการศึกษาพระคัมภีร์
ข้อ 6ก่อนที่จะพบศิษย์ที่รวมตัวกันอยู่ในห้องที่ลงกลอนและก่อนที่จะเปิดใจ พวกเขาให้เข้าใจพระคัมภีร์ (เทียบ ลก. 24:44-45) พระเยซูคริสต์ผู้เสด็จกลับคืนพระชนมชีพได้ปรากฏพระองค์กับศิษย์สองคนที่กำลังเดินทางจากกรุงเยรูซาเล็ม ไปยังหมู่บ้านเอมมาอุส (เทียบ ลก. 24:13-35)
ข้อ 7เนื่องจากพระคัมภีร์ทุกแห่งพูดถึงพระคริสตเจ้า ซึ่งสามารถทำให้พวกเราเชื่อได้ว่าการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนชีพไม่ใช่เป็นเรื่องของความเร้นลับ แต่เป็นประวัติศาสตร์ และเป็นศูนย์กลางแห่งความเชื่อสำหรับศิษย์ของพระองค์
– ผู้มีความเชื่อจึงจำเป็นต้องฟังด้วยความตั้งใจต่อพระวาจาของพระเจ้า ทั้งในการเฉลิมฉลองจารีตพิธีกรรมและในการอธิษฐานภาวนาและการรำพึงไตร่ตรองของตน
ข้อ 8การเดินทางที่พระผู้เสด็จกลับคืนพระชนม์ชีพไปกับศิษย์แห่งเอมมาอุส จบลงด้วยการรับประทานอาหาร
-เหตุการณ์ฉากนี้แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนถึงสายสัมพันธ์ที่ตัดไม่ขาดระหว่างพระคัมภีร์กับศีลมหาสนิท
-การอ่านพระคัมภีร์อย่างสม่ำเสมอและการเฉลิมฉลองศีลมหาสนิท(พิธีบูชาขอบพระคุณ)ทำให้เป็นไปได้สำหรับพวกเราที่จะเห็นว่าพวกเราเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน
ข้อ9ในจดหมายฉบับที่สองถึงทิโมธี… นักบุญเปาโลขอร้องเพื่อนร่วมงานที่ซื่อสัตย์ของตนให้หันไปพึ่งพระคัมภีร์เสมอ
ข้อ 10ผลงานและบทบาทของพระจิตเข้ามาเกี่ยวข้องไม่ใช่เพียงการดลใจในพระคัมภีร์เท่านั้น แต่พระองค์ยังกระทำการในตัวผู้ที่ฟังพระวาจาของพระเจ้าด้วย
ข้อ 11พวกเราเสี่ยงมากที่จะไปแยกพระคัมภีร์ออกจากธรรมประเพณีโดยไม่เข้าใจว่าทั้งสองสิ่งเป็นบ่อเกิดเดียวกันของการเผยแสดงของพระเจ้า
ข้อ 12เมื่อพวกเราอ่านพระคัมภีร์ภายใต้แสงสว่างแห่งเจตนารมณ์เดียวกันกับผู้ที่เขียน จึงเป็นของใหม่เสมอ
-“พระคัมภีร์หวานดุจน้ำผึ้งในปาก แต่พอตกถึงท้องรสชาติขมจนบอกไม่ถูก”(วว. 10: 10)
– ความหวานแห่งพระวาจาของพระเจ้าต้องทำให้พวกเรานำไปแบ่งปันกับผู้อื่นที่เราพบในชีวิตนี้
– ความขมของพระคัมภีร์บ่อยครั้งเกิดจากการที่พวกเรารู้สึกว่านี่เป็นการยากที่ จะดำเนินชีวิตตามพระวาจานั้นอย่างสม่ำเสมอ…
ข้อ 13เมื่อฟังพระคัมภีร์แล้วต้องไปปฏิบัติงานเมตตา นี่เป็นการท้าทายที่ยิ่งใหญ่สำหรับพวกเราในชีวิต พระวาจาของพระเจ้ามีอำนาจในการเปิดตาของพวกเราและทำให้พวกเราสามารถปฏิเสธปัจเจกนิยมที่ว่างเปล่า แล้วหันกลับไปยังหนทางใหม่ของการแบ่งปันและเอื้ออาทรต่อกัน
ข้อ 14 ช่วงเวลาที่มีความสำคัญมากที่สุดในความสัมพันธ์ของพระเยซูคริสต์กับศิษย์ของพระองค์จะพบได้ในเรื่องราวที่พระองค์ทรงสำแดงพระองค์อย่างรุ่งโรจน์ (บนภูเขาสูง)
-ในการค้นพบปฏิสัมพันธ์ระหว่างความหมายต่างๆ ของพระคัมภีร์ เป็นความสำคัญที่ต้องเข้าใจข้อความจากตัวอักษรจนถึงเจตนารมณ์อันแท้จริง
ข้อ 15แม่พระเป็นผู้มีความสุขแท้ เป็นผู้มีบุญจริง เพราะว่าท่านได้รักษาพระวาจาของพระเจ้า
จัดทำโดย “แผนกพระคัมภีร์ ฝ่ายงานอภิบาล อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ”